นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นในคณะสงฆ์ เมื่อเจอแบบนี้เข้า ขนาดหัวหน้าพระวินยาธิการของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ยังไปไม่เป็น ต้องมาขอความรู้จากในที่ประชุม แล้วพวกเราทั่วไปจะไหวไหม ? เพราะฉะนั้น..เวลาเจอเหตุการณ์พวกนี้ บางทีก็ไปเจอพวก "หัวหมอ" ประเภท "หมูไม่กลัวน้ำร้อน" เพราะเขารู้ว่าโทษเบามาก อย่างดีก็จับสึก สึกวันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็บวชใหม่อีกแล้ว..! ถ้าขี้เกียจหาพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ก็แค่ไปซื้อผ้าไตรมาห่มใหม่ ถ้าถามว่า "ไม่รู้จักละอายใจบ้างหรือ ที่ปลอมบวชเอง ?" ถ้ารู้จักละอาย เขาก็คงไม่ทำชั่วแล้ว..!
ถึงขนาดที่พระเถระท่านปรารภในที่ประชุมว่า "พวกเราก็ทนสู้กันต่อไป แล้วก็ตายไปทีละรุ่น ทีละรุ่น เพราะไอ้พวกนี้ไม่หมดไปหรอก..!" สรุปว่า ตำรวจพระมีหน้าที่ตามล้างตามเช็ด ส่วนพวกนี้จะขี้เรี่ยขี้ราดเอาไว้ พระศาสนาเหม็นขนาดไหน เขาไม่สนใจอยู่แล้ว ฟังดูแล้วก็อนาถใจมาก..!
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสอบผ่านนักธรรมชั้นเอกแล้ว เรื่องพวกนี้ศึกษาไว้บ้างก็ดี โดยเฉพาะอันดับแรกเลย กฎนิคหกรรม หลังจากนั้นแล้วก็หน้าที่พระสังฆาธิการ เผื่อเราจับจับพลัดจับผลู ไปเป็นเจ้าอาวาส ต่อจากนั้นไปก็หน้าที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์
แล้วก็ยังมีหลักการจัดงานวัด เพราะว่าการจัดงานวัดนั้น ต้องมีการขออนุญาตตามลำดับชั้น จัดไม่เกิน ๓ วัน ต้องขอใคร จัดไม่เกิน ๕ วัน ต้องขอใคร จัดไม่เกิน ๗ วัน ต้องขอใคร จัดไม่เกิน ๙ วัน ต้องขอใคร มีตัวอย่างอยู่วัดหนึ่ง น่าจะมีชื่อเสียงแล้วก็ญาติโยมให้การสนับสนุนมาก จัดงานปิดทองฝังลูกนิมิต ๑๕ วัน เล่นเอาทุกคนไปไม่เป็น เพราะในระเบียบระบุไว้สูงสุดแค่ ๙ วัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2024 เมื่อ 03:07
|