คราวนี้เรามาว่ากันทีละประเด็น ประเด็นแรกก็คือ ท่านไม่ทราบว่าจะลงโทษอย่างไร ? แจ้งข้อหาไม่ถูก ความจริง สามารถนำไปให้เจ้าคณะปกครองในพื้นที่ ก็คือเจ้าคณะตำบลที่เกิดเหตุนั้นทำการสึกหาลาเพศให้ได้
แต่ว่าจะแจ้งข้อหาไหน ? ถ้าท่านทั้งหลายศึกษาในกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๑ ปีพุทธศักราช ๒๕๓๘ ว่าด้วยเรื่องนิคหกรรม ก็คือการให้สละสมณเพศ ท่านระบุบุคคลเอาไว้ ๓ ประเภทใหญ่ ๆ
ประเภทที่ ๑ ก็คือบุคคลผู้ต้องนิคหกรรม ก็คือโดนคำสั่งลงโทษ ไม่ถึงขนาดให้ลาสิกขา แต่ไม่ยอมรับโทษนั้น ๆ ในเมื่อดื้อมา ไม่ยอมรับโทษเบา ก็เอาโทษหนักไปเลย ก็คือสึก..!
ประเภทที่ ๒ ผู้ที่ละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ เจ้าอาวาสหรือว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์มีการตักเตือนแล้ว แต่ไม่ประพฤติตนให้ดีขึ้น ปัจจุบันนี้มีเยอะทีเดียว เพียงแต่ว่าเจ้าอาวาสหลายท่านก็เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ เพราะว่าไม่อยาก "เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ" เนื่องเพราะว่าคนชั่วเขาไม่กลัวที่จะทำความชั่วเพิ่มขึ้น ก็เลยกลายเป็นว่าคนดีต้องเกรงใจคนชั่วไป แต่ไม่ใช่ที่วัดท่าขนุนนี้ เพราะว่าที่วัดท่าขนุนนี้ กระผม/อาตมภาพถือว่า "กูชั่วกว่า เพราะฉะนั้น..มึงไม่ต้องมาซ่าตรงนี้..!"
ประเภทที่ ๓ ก็คือบุคคลที่ไม่ได้สังกัดวัด หรือว่าไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์สามารถยืนยันได้
ถ้าหากว่าอยู่ในลักษณะนี้ให้สละสมณเพศ คือสึกได้เลย ก็แปลว่าเราสามารถลงโทษท่านในฐานะบุคคลที่ไม่มีสังกัดวัด หรือว่าไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
แต่ก็อย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านบอกนั่นแหละ "ลงโทษไอ้พวกนี้ขาดทุนทุกที เพราะว่าต้องซื้อเสื้อผ้าให้มันด้วย" กระผม/อาตมภาพก็เจอมาเองแล้ว ในเมื่อเขายอมสึก แต่ไม่มีผ้าใส่ ก็ต้องให้คนวิ่งไปซื้อให้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2024 เมื่อ 03:00
|