ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 11-02-2024, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,546 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็ขาดความรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง ที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกกล่าวหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า เราต้องฝึกฝนตนเองจนมีสติครบถ้วน เมื่อขยับตัวก็รู้ว่าศีลจะขาดหรือไม่ ? ไม่เช่นนั้นแล้วก็ยังถือว่าใช้ไม่ได้..!

อย่างเมื่อวานนี้ในช่วงบ่าย กระผม/อาตมภาพทำการประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ และคณะกรรมการชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เนื่องจากว่าตอนที่กำหนดวันประชุมนั้น ในโทรศัพท์ไม่ได้ระบุว่าเป็นวันโกน-วันพระ ครั้นทำหนังสือเรียกประชุมไปแล้ว มารู้ว่าเป็นวันพระใหญ่ที่ต้องลงปาฏิโมกข์ จะเปลี่ยนก็ไม่ทันแล้ว เนื่องเพราะว่าหลายท่านก็ลงตารางเวลาของตนไป ถ้าหากว่าเราไปเปลี่ยนแปลง ก็จะไปกระทบต่อผู้อื่น จึงต้องมอบฉันทะให้พระภิกษุส่วนที่เหลือไปลงปาฏิโมกข์ ส่วนตนเองและพระภิกษุรูปอื่นก็เข้าร่วมการประชุมต่อไป

แต่ปรากฏว่าเมื่อพระเริ่มแสดงพระปาฏิโมกข์ เสียงที่ผ่านเครื่องกระจายเสียง ก็รบกวนออกมาถึงที่ประชุม เพราะว่าศาลา ๑๐๐ ปี หลวงปู่สาย วัดท่าขนุน กับอุโบสถนั้น ห่างกันไม่ถึง ๕๐ เมตรเท่านั้น กระผม/อาตมภาพจึงได้บอกผ่านเครื่องกระจายเสียงไปว่า ให้ภายในอุโบสถปิดเครื่องเสียง แล้วสวดปากเปล่าไป แต่ว่าภายในอุโบสถก็คงไม่มีใครฟังเสียงข้างนอก ท่านพีม (พระกวีวัธน์ สทฺธาธิโก) ซึ่งเข้าประชุมอยู่ ก็ลุกเพื่อที่จะเดินไปบอกที่อุโบสถ กระผม/อาตมภาพต้องรีบเรียกท่านให้หยุดเอาไว้ บอกว่าให้โทรศัพท์เข้าไป

ถ้าหากว่าท่านเดินไปที่อุโบสถ บอกเขาเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วเดินออกมา ถือว่าเป็นการคัดค้านสังฆกรรม การทำสังฆกรรมครั้งนั้นก็จะไม่มีผล แม้ว่าเราไม่ได้คัดค้าน แต่อาจมีผู้อ้างเลศในการกล่าวว่า เราเดินออกจากสังฆกรรม เป็นการคัดค้าน เรื่องราวก็จะวุ่นว่ายไปใหญ่โต

แม้กระทั่งเลขาฯ จุก (พระมหาอินทรปกรณ์ ฐิตสุโภ ป.ธ.๔) เลขานุการเจ้าคณะตำบลลิ่นถิ่น เขต ๒ ซึ่งนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งก็ยังบอกว่า "ผมลืมไปเลยว่า การเดินออกจากสังฆกรรมเท่ากับเป็นการคัดค้าน" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายที่จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง

กระผม/อาตมภาพเองเสียใจเป็นอย่างมากว่า ตลอดระยะเวลาของชีวิตฆราวาส ๑๑ ปี และชีวิตของพระภิกษุอีก ๗ พรรษา ซึ่งอยู่ภายใต้ร่มเงาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น ตนเองยังกอบโกยความรู้ความสามารถต่าง ๆ มาไม่ได้ส่วนเสี้ยวขององค์ท่านเลย จึงทำให้ทุกวันนี้ยังไม่กล้าประมาท ทำอะไรก็พยายามรักษารอยของครูบาอาจารย์เอาไว้ แต่ก็ยังไม่กล้าประกาศออกมาอย่างชัดเจน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2024 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา