ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 09-02-2024, 00:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,943
ได้รับอนุโมทนา 4,415,871 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าตั้งแต่เด็กมา กระผม/อาตมภาพเจอบุคคลผู้หนึ่ง ต้องบอกว่าผิดฝาผิดตัวมาก ก็คือท่านเป็นบัณฑิตมาจากประเทศจีน พวกกระผม/อาตมภาพเรียกว่า "ฮุ้นเจ็ก" คำว่า "เจ็ก" ก็คือ อา (น้องพ่อ) ที่คนไทยมักเรียกเพี้ยนไปว่า "เจ๊ก" นั่นเอง..!

คนจีนเมื่อเข้ามาถึงประเทศไทย ก็มักจะเสาะหาญาติพี่น้องของตัวเองว่าอยู่ที่ไหน แล้วไปอาศัยพึ่งพิงก่อน พอเห็นช่องทางค่อยแยกไปทำมาหากินของตนเอง ถ้าหากว่าหาญาติพี่น้องไม่ได้ เพราะว่าตนเองมาเป็นคนแรก ๆ ก็จะหาคนแซ่เดียวกัน ถ้าพี่น้องก็ไม่มี คนแซ่เดียวกัน จะหาคนที่มาจากเมืองเดียวกัน ส่วนใหญ่ก็นั่งเรือฉลอมมาขึ้นที่ท่าจีน ตรงนั้นที่เรียกว่า "ท่าจีน" ก็เพราะว่าคนจีนส่วนใหญ่มาขึ้นเรือตรงนั้น แล้วก็จะมีบรรดาเถ้าแก่หรือว่านายงาน มารับตัวไปทำงาน หรือว่ามีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง มารับไปทำงานตามที่ได้ติดต่อกันไว้

แต่ "อาเจ็ก" ท่านนี้ ต้องบอกว่า "ผิดฝาผิดตัว" ก็เพราะบรรดาคนจีนสมัยก่อน ส่วนใหญ่มาถึงก็ทำงานใช้แรงงาน ที่เรียกกันสมัยก่อนว่า "จับกัง" บ้าง "กุลี" บ้าง อาเจ็กท่านนี้กลับเป็นบัณฑิต..!

สมัยก่อนนั้นประเทศจีนเขามีการสอบระดับอำเภอ แล้วไปสอบต่อในระดับเมือง จากนั้นเป็นการสอบในระดับมณฑล แล้วถึงจะไปสอบหน้าพระที่นั่ง ที่เราเรียกกันว่า "สอบจอหงวน" อาเจ็กท่านนี้เป็นบัณฑิตในระดับเมืองแล้ว เดินทางมาเมืองไทยด้วยความหวังใหญ่โต เมื่อทราบว่ามีคนจีนมาอยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ตั้งใจมาเพื่อสอนหนังสือให้กับลูกหลานคนจีนที่เดินทางมาเมืองไทย

ด้วยความที่ไม่มีญาติพี่น้องของตนเองอย่างหนึ่ง ไม่มีเพื่อนฝูงที่มาก่อน เพราะว่า "ผิดฝาผิดตัว" อยู่คนเดียว คือคนอื่นเขามาใช้แรงงาน แต่ตัวเองจะมาสอนหนังสือ ในเมื่อหาญาติไม่ได้ ก็มาพึ่งเตี่ยของกระผม/อาตมภาพ เพราะว่าตอนนั้นพรรคพวกเพื่อนฝูง ทั้งประเภทร่วมแซ่ ร่วมเมือง มาอาศัยทำงานอยู่ ๔๐ กว่าคน แล้วเตี่ยก็บอกว่า "แค่เพิ่มตะเกียบคู่เดียว ไม่เป็นไรหรอก" ก็คือมีคน
มากินเพิ่มขึ้นปากหนึ่งเท่านั้น ก็ยังหุงข้าวกระทะใบบัวเท่าเดิมอยู่ดี

ตอนแรกอาเจ็กก็ตั้งใจเปิดโรงเรียนสอนเด็ก ๆ ลูกหลานของบรรดากุลีที่เข้ามาใช้แรงงาน ปรากฏว่าเปิดได้ไม่กี่วันก็ต้องเลิก เนื่องเพราะว่าคนจีนสมัยก่อนที่เราเห็นว่าเขานิยม "ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง" นั้น เป้าหมายแรกเลยก็คือตั้งใจเพิ่มแรงงานในบ้าน เด็ก ๆ พอรู้ความอย่างกระผม/อาตมภาพ ก็โดนบังคับให้ไปเลี้ยงน้องแล้ว ถ้าหากว่าพอหยิบพอจับงานอะไรได้ ก็โดนใช้ไปทำงานนั้น พอเริ่มอายุได้ ๕ ขวบ ๖ ขวบ ก็ต้องหัดถางหญ้า หัดขุดดิน จึงทำให้ไม่มีเด็กไปเรียนหนังสือกับอาเจ็กท่านนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-02-2024 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา