ส่วนพระอีกรูปหนึ่งที่ท่านดูแลแม่ของตนเอง แล้วบอกว่า "แม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ๆ ตนเองเป็นพระธรรมดา ทำไมจะปรนนิบัติพระอรหันต์ไม่ได้ ?" ขอเรียนถวายว่าท่านกำลังเข้าใจผิด แล้วจะสอนให้ญาติโยมเข้าใจผิด ๆ หนักยิ่งขึ้นไปอีก
พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสว่าพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก เรื่องนี้มีที่มาจากพระพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเกิดจากบุคคลผู้หนึ่ง ตั้งใจจะแสวงหาพระอรหันต์ในโลก แล้วเดินทางไกลไปหลาย ๆ เมือง ทิ้งแม่ของตัวเองให้อยู่กับบ้าน ไปเจอผู้วิเศษท่านหนึ่ง ซึ่งใคร ๆ ลือว่าเป็นพระอรหันต์ ท่านบอกว่า "ทำไมเจ้าต้องเดินทางมาไกลขนาดนี้ด้วย ในเมื่อแถวบ้านของเจ้าก็มีพระอรหันต์อยู่ บุคคลนั้นใส่รองเท้ากลับข้าง ใส่เสื้อกลับตะเข็บ..!"
เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็ดีใจมาก จึงรีบเดินทางกลับบ้านที่ห่างมาเป็นเดือนเป็นปี เมื่อไปถึงบ้านในเวลาใกล้สว่าง จึงตะโกนเรียกให้แม่ตนเองมาเปิดประตูบ้าน ด้วยความดีใจที่ได้ยินเสียงลูก แม่คว้ารองเท้าและเสื้อได้ก็ใส่แบบลวก ๆ วิ่งมาเปิดประตูให้ ลูกชายเห็นแล้วก็คุกเข่าลง กราบแม่ตรงนั้นเอง เพราะว่าแม่ใส่รองเท้ากลับข้าง และใส่เสื้อกลับตะเข็บ..!
ดังนั้น..เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่มาจากพระพุทธศาสนามหายาน ไม่ใช่เถรวาทที่เราเชื่อว่าเป็นพุทธพจน์บทพระบาลี องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแค่ตรัสว่า "บิดามารดาเป็นพรหมของบุตร" เนื่องเพราะว่าประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คล้ายกับพรหมวิหาร ซึ่งพรหมทั้งหลายทรงอยู่
เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่ถ้าเผลอนานไป ก็จะกลายเป็นสัทธรรมปฏิรูป ปะปนกันไปหมด ทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น กลายเป็นจดจำสิ่งที่ผิด ๆ ต่อเนื่องกันไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2024 เมื่อ 01:28
|