ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 26-12-2023, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,624 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่าสมัยก่อนที่รอดมาได้ ทั้ง ๆ ที่โชเฟอร์แต่ละท่านตีนหนักมาก..! ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของดวงล้วน ๆ เมื่ออายุมากขึ้น จึงให้ขับรถช้าลง ต่อให้เร่งรีบขนาดไหนก็ไม่เกิน ๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนใหญ่ก็จะแช่อยู่ที่ ๙๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง

แต่เนื่องจากว่าพลขับ ก็คือน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) นั้น กะระยะในการเข้าออกได้แม่นยำมาก จึงทำให้แทบจะไม่เสียความเร็วไปเลย ดังนั้น..บางทีท่านที่เหยียบถึง ๑๒๐ หรือว่า ๑๔๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ว่าเหยียบแล้วก็ต้องไปเบรค เพราะว่าติดรถคันหน้า บางทีอาจจะทำความเร็วเฉลี่ยสู้กระผม/อาตมภาพไม่ได้ เพราะว่าของเราแทบจะไปเฉลี่ย ๙๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง จึงเป็นอุทาหรณ์ที่ว่า
การขับรถเร็วนั้น ไม่แน่ว่าจะถึงที่หมายเร็ว หากแต่คนที่รู้จังหวะเข้าออก ขับรถตามกฎจราจร อาจจะไปถึงที่หมายได้เร็วกว่า

เมื่อพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนีมาถึง ได้ทำการเจิมและจุดเทียนชัยหลัก ตลอดจนกระทั่งเทียนมหามงคลซ้ายขวา แล้วก็ไปเพื่อที่จะจุดธูปเทียน บูชาพระรัตนตรัย ท่านเดินผ่านหน้าแล้วบอกว่า "ขอดูชื่อหน่อย" เนื่องเพราะว่าทุกอาสนะจะมีชื่อผู้นั่งติดเอาไว้ กระผม/อาตมภาพจึงกราบเรียนว่า "พระครูวิลาศกาญจนธรรม วัดท่าขนุนครับ"

ท่านเองก็พยักหน้ารับทราบ แต่เชื่อเถอะว่าเดินผ่านไปสามก้าวก็ลืมแล้ว..! ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นบุคคลที่จำแม่นมาก แต่กระผม/อาตมภาพเองตั้งใจที่จะให้เป็นเช่นนั้น เนื่องเพราะว่าการเป็นที่จดจำของระดับครูบาอาจารย์ก็ดี หรือว่าเป็นที่จดจำของผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็ตาม กระผม/อาตมภาพรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง ดังนั้น..หลายเรื่องหลายราวที่ไม่ต้องการ จึงต้องทำให้คนอื่นลืมไปเสียเลย..!

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายรู้จักพระคาถาพญาเต่าเรือน สามารถที่จะใช้ในวิธีการเดียวกันนี้ได้ เนื่องเพราะว่าคำว่าเต่าเรือน คือเต่าตัวใหญ่เท่าเรือนยอดนั้น มีคำพ้องว่า "เลือน" ก็คือ เลือนลางจืดจางไปจากคนอื่น หรือว่าไปจากที่นั้น ๆ

ดังนั้น..โบราณาจาย์ถ้าหากว่ามีคดีความ ก็มักจะภาวนาคาถาพญาเต่าเรือนนี้ เพื่อที่ขอให้คดีความนั้น เลือนลางจืดจางไปจากตนเอง กระผม/อาตมภาพก็นำมาปรับใช้ โดยการให้ตนเองเลือนลางจืดจางไปจากสายตาผู้บังคับบัญชาหรือครูบาอาจารย์ เวลาที่ไม่ต้องการจะให้ท่านจดจำ


คาถานั้นเป็นการภาวนาสลับกันไปสลับกันมา ก็คือ "นาสังสิโม สังสิโมนา สิโมนาสัง โมนาสังสิ" ภาวนาจนกระทั่งจิตของเราทรงตัวแล้ว ตั้งใจจะให้เป็นอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น..!

เรื่องของคาถาเป็น "บาท" คือพื้นฐานของอภิญญา ใครที่สามารถทำได้บทหนึ่ง บทอื่น ๆ ก็ใช้กำลังในระดับเดียวกัน เมื่อมีความมั่นใจมากขึ้น จดจำอารมณ์ได้แม่นยำว่า เราวางกำลังใจแบบไหน จึงสามารถใช้คาถาได้ผล ก็ให้วางกำลังใจแบบนั้น แล้วพระคาถาทุกบทก็จะใช้ได้ผลเหมือนกัน เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของการฝึกซ้อมกำลังสมาธิล้วน ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2023 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา