ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 18-12-2023, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนที่ท่านผู้นั้นกล่าวว่า ความรวยเป็นการสร้างกิเลสนั้น เราลองมาดูว่า ท่านผู้กล่าวนั้นมีคุณงามความดีในระดับไหน ? ถ้าดูตามพระไตรปิฎก อนาถปิณฑิกเศรษฐีเป็นอริยบุคคลระดับพระโสดาบัน ท่านยังคงทำมาค้าขายตามปกติ สามารถที่จะให้ทานแก่พระภิกษุสงฆ์ทุกวัน ถึงวันละ ๕๐๐ รูป

บุคคลที่เป็นพระอริยเจ้าระดับพระโสดาบัน ยังมีการทำมาค้าขาย มีการกอบโกยปัจจัยเงินทองเข้าสู่ตนเองและครอบครัวตามปกติ แต่ไม่ได้นำเอาความร่ำรวยนั้นไปเบียดเบียนผู้หนึ่งผู้ใด ซ้ำยังช่วยเหลือผู้อื่นเป็นประจำ จนได้ฉายาว่าอนาถปิณฑิกเศรษฐี คือ ผู้มีก้อนข้าวสำหรับบุคคลอนาถา ถ้าหากว่าร่ำรวยแล้วเป็นกิเลส แปลว่าผู้พูดนั้นตั้งกำลังใจไว้ในทางที่ผิด คิดแต่จะใช้ความร่ำรวยไปทางมัวเมาด้วย รัก โลภ โกรธ หลง นั่นเอง..!

หรือจะดูตัวอย่างนางวิสาขามหาอุบาสิกา บุคคลนี้มีประวัติชัดเจนว่าเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ นางวิสาขามหาอุบาสิกานั้น แต่งงานตอนอายุ ๑๖ ปี ผู้เป็นบิดาได้มอบสินทรัพย์ให้ ก็คือเงิน ๕๐๐ เล่มเกวียน ทอง ๕๐๐ เล่มเกวียน ภาชนะทองเหลือง ๕๐๐ เล่มเกวียน ภาชนะทองแดง ๕๐๐ เล่มเกวียน เหล่านี้เป็นต้น ตลอดจนกระทั่งฝูงวัวมากมายจนนับไม่ได้

เมื่อไปถึงยังบ้านของฝ่ายสามีแล้ว นางวิสาขามหาอุบาสิกาก็นำทรัพย์สินเหล่านี้ไปแบ่งปันให้กับชาวบ้านทั้งหมด บาลีใช้คำว่า "ยังทุกคนให้มีฐานะเสมอกัน" ก็คือคนที่มีมากก็แบ่งให้น้อย คนที่มีน้อยก็แบ่งให้มาก จนกระทั่งทุกคนมีทรัพย์สินใกล้เคียงกันหมด

นางวิสาขามหาอุบาสิกาที่เป็นพระอริยเจ้าระดับพระโสดาบันก็ไม่ได้ปฏิเสธความร่ำรวย โดยเฉพาะมีเครื่องประดับที่ชื่อมหาลดาปสาธน์ ซึ่งมีมูลค่าถึง ๙๑ โกฏิ ถ้าหากว่าเราตีราคาว่า ๑ โกฏิเท่ากับ ๑๐ ล้าน เครื่องมหาลดาปสาธน์นั้นก็จะมีราคาถึง ๙๐๐ กว่าล้าน ซึ่งในราคาปัจจุบันนี้ย่อมไม่มีทางที่จะเทียบกับราคาในสมัยโบราณได้

ท่านเองก็ไม่ได้เห็นว่าความร่ำรวยนี้เป็นกิเลส ซ้ำยังเอาเงินทองนั้นไปสร้างบุพพารามมหาวิหารถวายไว้ในพระพุทธศาสนา จนกระทั่งมีชื่อเสียงเลื่องลือ ในฐานะของมหาอุบาสิกา ผู้ไปยังวัดวาอารามแล้วไม่เคยไปมือเปล่า เป็นผู้ที่ก่อให้เกิดประเพณีในพระพุทธศาสนาหลายประการ ก็คือการถวายผ้ากฐิน การถวายผ้าคหปติจีวร เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-12-2023 เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา