วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง แล้วมีความหนักใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าบุคคลผู้นั้นไม่ทราบว่าไปรับเอา "ตำนาน" หรือ "คำบอกเล่า" มาจากผู้หนึ่งผู้ใด จึงปักใจเชื่อว่า กระผม/อาตมภาพเป็นหนึ่งในพระอรหันต์ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ได้กล่าวถึงเอาไว้สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
เหตุที่หนักใจมากก็เพราะว่า สมัยนี้กับสมัยพุทธกาลนั้น มีการ "เห่อ" หรือว่า "บ้า" พระอรหันต์กันตามปกติ ในสมัยพุทธกาลนั้น คนรู้จักพระอรหันต์แค่ว่าเป็นบุคคลที่หมดกิเลสแล้ว ตัวอย่างก็คือท่านพาหิยทารุจีริยะซึ่งอยู่ในสมัยพุทธกาล ท่านเดินทางไปทางเรือ แล้วเกิดเรือแตก โดนคลื่นซัดไปติดฝั่ง เสื้อผ้าหลุดหายหมด..!
แต่เมื่อพบผู้คนเข้า กลับลือกันว่าท่านเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้ที่หมดกิเลสแล้ว แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่ต้องการ..! จึงเอาเครื่องสักการะ ข้าวปลาอาหารต่าง ๆ มาถวายให้ท่านเป็นจำนวนมาก ทำให้ท่านพาหิยะรู้สึกว่า "การไม่ใส่เสื้อผ้าอะไรเลยก็เป็นการดี มีแต่ผู้คนเคารพนับถือ" จึงติดอยู่ในสักการะ ที่ชาวบ้านผู้โง่เขลาต่าง ๆ ปักใจเชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์
จนกระทั่งผู้ที่เคยร่วมบุญกันมาแต่ปางก่อน ซึ่งปัจจุบันไปเกิดเป็นท้าวมหาพรหม เห็นว่าท่านจะสูญสิ้นจากความดีเสียแล้ว จึงได้ลงไปเตือนว่า "ดูก่อนพาหิยะ ท่านยังไม่ใช่พระอรหันต์ พระอรหันต์ที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นแล้วในโลก คือพระสมณโคดมศากยบุตร" เมื่อท่านพาหิยะได้รับคำเตือนจากอดีตเพื่อน ซึ่งปัจจุบันเป็นท้าวมหาพรหม ก็สอบถามว่าจะพบกับพระสมณโคดม ซึ่งก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ที่ไหน ? เมื่อท้าวมหาพรหมบอกทางให้ ท่านก็เร่งเดินทางภายในคืนเดียว จนกระทั่งไปถึง พบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังเสด็จออกบิณฑบาต ก็เข้าไปกราบแทบเท้า ขอให้พระองค์ท่านแสดงธรรม
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นว่า พาหิยะผู้นี้กำลังใจล้นเกิน ถ้าหากว่าให้ธรรมะไปแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะนำไปขบคิดให้เกิดประโยชน์ได้ จำเป็นที่จะต้องให้ลดกำลังใจลงมาก่อน จึงได้ตรัสว่า "อย่าเลยพาหิยะ ตถาคตกำลังออกบิณฑบาตภิกษา เธอจงรอก่อน" ท่านพาหิยะในสมัยก่อนที่จะเป็นพระอรหันต์ ก็กอดพระบาทองค์สมเด็จพระภควันบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ กล่าวว่า "ข้าพเจ้านั้นไม่ไว้ใจในชีวิตของตนเองว่าจะสิ้นสุดลงไปเมื่อไร ขอพระองค์ท่านจงแสดงธรรมเถิด"
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสห้ามถึง ๓ ครั้ง จนกระทั่งกำลังใจของพาหิยะลดลงมาในจุดที่พอเหมาะพอดีแล้ว จึงได้ตรัสว่า "ดูก่อนพาหิยะ เธอจงอย่าสนใจในรูป" ซึ่งความหมายก็คือ อย่าได้ยึดถือร่างกายซึ่งหาความเที่ยงไม่ได้ มีแต่ความทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นตัวตนเราเขานี้ ท่านพาหิยะพอได้สดับรับรสพระพุทธพจน์เทศนา ก็บรรลุอรหัตผลด้วยปุพเพกตปุญญตาที่สั่งสมมาดี เหมือนกับดอกบัวพ้นน้ำ เมื่อกระทบแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานในทันที
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2023 เมื่อ 02:31
|