| 
 
			
			ในวันต่อมาก็ทรงพระเมตตาตรัสสอนต่อให้ ดังนี้
 ๑.	เบื่อก็ให้รู้ว่าเบื่อ แต่อย่าให้จิตฟุ้งซ่าน เลื่อนลอย จนลืมจุดหมายปลายทางว่าที่สุดของความต้องการ คือ พระนิพพาน
 
 ๒.	 พิจารณาให้เห็นทุกข์และโทษของร่างกาย มีความเบื่อหน่าย แล้วก็จงยอมรับความทุกข์ และโทษของร่างกายนี้ว่าเป็นธรรมดา ตราบใดที่เจ้ายังทรงขันธ์ ๕ อยู่ พยายามลงตัวธรรมดาให้จงได้ วางจิตให้ยอมรับกฎธรรมดาของขันธ์ ๕ นั้น จิตเจ้าจักได้คลายความเกาะติดขันธ์ ๕ ลงได้ในที่สุด
 
 ๓.	 ค่อย ๆ วางอารมณ์ อย่าเคร่งเครียดจนเกินไป จิตจักมีความกลัดกลุ้ม เบียดเบียนตนเอง ก็เป็นความไม่ถูกต้อง หมั่นรู้ลมให้มากในระยะนี้ อารมณ์ของจิตจักไม่ซ่านจนเกินไป
 
 ๔.	 แล้วจงหมั่นวางอารมณ์กระทบจากภายนอกลงด้วย อย่าหุนหันพลันแล่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ทำจิตให้ขุ่นข้อง ปฎิฆะเกิดขึ้นได้ง่าย จักพูดสิ่งใดขอให้ใคร่ครวญให้ดี ๆ
 
 ๕.	 (ก็ยอมรับว่าเวลามีอารมณ์ฉุนเฉียว ทำให้กล่าววาจาไม่ดี) ทรงตรัสว่า มันเป็นผลเสียทั้งคำพูดและจิตใจของเจ้าเอง และผู้ถูกกระทบด้วย
 |