ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 04-12-2023, 01:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,497 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นี่คือสิ่งที่ยกตัวอย่างเพื่อให้เรารู้ว่า ปกติของปุถุชนธรรมดา ก็คือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางสิ่งรอบข้างทั้งหมด ถ้าเป็นไปตามที่ตนเองต้องการ ก็รู้สึกว่ามีความสุข พอกระทบกับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามความต้องการ ก็รู้สึกว่ามีความทุกข์ สภาพจิตก็เลยเหมือนกับเส้นกราฟหัวใจ เด้งขึ้นบ้าง เด้งลงบ้าง หาความสงบราบเรียบได้ยาก จนกลายเป็นเครียด บางคนก็เป็นโรคซึมเศร้า บางคนคิดไม่รู้จักแล้วไม่รู้จักเลิก คิดจนหน้าเหี่ยว แก่เร็วอีกต่างหาก..!

คราวนี้การที่เราจะเข้าถึงคำว่าธรรมดาได้ อันดับแรกเลยต้องมีศีล ไม่ว่าใครจะรักษาศีล ๕ หรือว่าศีล ๘ เป็นปกติ ถ้าเป็นสามเณรก็ศีล ๑๐ เป็นพระก็ศีล ๒๒๗ ต้องพยายามรักษาทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ การที่เราระมัดระวังสิกขาบทของตนเองไม่ให้บกพร่อง สมาธิย่อมเกิดได้ง่าย เพราะใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับการกระทำของตนเอง

ถ้าสมาธิทรงตัวได้ระดับ ปัญญาก็จะเกิดขึ้น เนื่องเพราะว่าสภาพจิตของเราเมื่อสงบระงับ ก็เหมือนกับน้ำนิ่ง น้ำที่กระเพื่อมอยู่ เราจะมองอะไรเห็นไม่ถนัด แต่พอน้ำนิ่ง ก็จะสะท้อนสิ่งต่าง ๆ รอบข้างลงไปเหมือนกับของจริงทุกประการ เราก็จะมีปัญญาแยกแยะว่าต้นเหตุเกิดมาจากอะไร แล้วแก้ไขตรงนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้โดยง่าย

ในเมื่อปัญญาเกิดขึ้น ก็จะไประมัดระวังศีล ยิ่งระมัดระวังศีล สมาธิยิ่งทรงตัว สมาธิยิ่งทรงตัว ปัญญายิ่งเกิด ลักษณะเหมือนกับเราไขน็อต ยิ่งไขก็ยิ่งสั้นไปทุกที ๆ จนกระทั่งท้ายที่สุดก็ไขจนสุดน็อตตัวนั้นไปเลย

ดังนั้น..
ในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา จึงต้องเป็นหลักในการปฏิบัติของเรา ส่วนใหญ่แล้วพวกเราหลักลอย บางคนทำอยู่เต็ม ๆ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร ?! บางคนเรียกไม่ถูกเสียด้วยซ้ำไป แต่ถ้าหากว่าเรียกไม่ถูกแล้วทำถูก ก็ยังพอให้อภัยได้

ดังนั้น..การที่เราจะมีสติ สมาธิ ปัญญา เพียงพอที่จะรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ทางโลก หรือว่าแก้ไขปัญหาทางธรรม จึงเป็นเรื่องของการที่ต้องขยันหมั่นเพียร ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ รักษาอารมณ์ไว้ให้ได้กับเราให้นานที่สุด ความก้าวหน้าถึงจะมีขึ้นตามลำดับไป


สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-12-2023 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา