แต่ถ้าเรียนแบบอลคัททูปมปริยัติ ก็คือเรียนแบบจับงูข้างหาง นอกจากไม่รู้จริงแล้วยังเอาไปใช้ผิด ๆ อย่างที่กระผม/อาตมภาพต้องคอยมาตามแก้ให้มาโดยตลอด ของผู้รู้บางคนที่ได้กล่าวเอาไว้บางเรื่อง อย่างเช่นว่าการบวชหน้าไฟ ไม่ได้บุญไม่ได้กุศลอะไร ผู้บวชก็ตกนรกอีกต่างหาก..!
นั่นก็คือทิฏฐิ ความเห็นเฉพาะของเขา โดยที่มองไม่เห็นว่าสิ่งที่โบราณาจารย์ท่านได้วางแนวเอาไว้นั้น เกิดบุญเกิดกุศลในลักษณะอย่างไรบ้าง ในเมื่อจับงูข้างหาง ท้ายที่สุดก็โดนงูขบกัด บาดเจ็บล้มตาย ถึงแม้ว่าในชีวิตนี้อาจจะไม่ได้เห็น แต่ถ้าตายเมื่อไร อย่างน้อยมีอเวจีเป็นที่ไป เรื่องของการศึกษาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ว่าศึกษาอย่างไรที่จะให้เรารู้จริง และนำไปใช้งานได้
เมื่อทำพิธีเปิดการสอบเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพได้ข้ามไปเยี่ยมห้องสอบนักธรรมชั้นเอก ปรากฏว่ามีข้อสอบของนักธรรมชั้นโทออกมาจริง ๆ ก็คือให้บอกว่าพระเถระเหล่านี้เป็นเอตทัคคะ คือมีความยอดเยี่ยมทางใดบ้าง
๑ พระมหากัสสปเถระ นึกออกไหม ?
๒ พระโสณกุฏฏิกัณณเถระ
๓ พระมหากัจจายนเถระ
๔ พระราหุลเถระ
ตายสนิท..ส่วนใหญ่พวกเราเรียนผ่านไปแล้วก็ลืม..!
พระมหากัสสปะเป็นพระเถระผู้เลิศในทางธุดงควัตร แม้พระพุทธเจ้าจะตรัสว่า "ดูก่อนกัสสปะ...เธอก็อายุมากแล้ว ควรที่จะอยู่พักผ่อนกับที่ เป็นเพื่อนของตถาคตที่แก่ชราพอกันด้วยเถิด"
พระมหากัสสปะก็ยังกราบทูลขอร้องว่า ขอธุดงค์ต่อไป แม้ว่าจะอายุเป็นร้อยปีแล้ว โดยให้เหตุผลว่าท่านเองหมดกิเลสแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกธุดงค์ก็ได้ แต่ให้คนรุ่นหลังได้เห็นเนติ คือแบบอย่างของพระเถระในอดีตกาล ว่าท่านเคร่งครัดในการปฏิบัติธุดงควัตรแบบนี้ แล้วจะได้ยึดถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตาม
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2023 เมื่อ 01:54
|