ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 21-11-2023, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,023 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่ว่าพอเริ่มจะเข้าเรียนชั้นประถมปีที่ ๔ มีการสร้างสนามบินกำแพงแสน เนื่องจากว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นรอยต่อของสามจังหวัด ก็คือจังหวัดนครปฐม จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นป่าใหญ่ที่บรรดาโจรต่าง ๆ ไปอาศัยตั้งชุมโจรกันอยู่ที่นั่น เมื่อถึงเวลาออกปล้นแล้วก็หนีกลับเข้าป่าไป

ตำรวจสมัยนั้น ชาวบ้านเรียกว่าพลตระเวน เมื่อถึงเวลาพลตระเวนของจังหวัดนครปฐมบุกเข้าไปปราบ โจรก็หนีข้ามไปทางจังหวัดสุพรรณบุรีบ้าง จังหวัดกาญจนบุรีบ้าง เมื่อข้ามเขตแล้ว พลตระเวนก็ไม่ตามต่อ เนื่องเพราะว่าไม่ใช่พื้นที่ของตน

เมื่อทางจังหวัดกาญจนบุรีเข้ามาปราบ โจรก็หนีมาทางจังหวัดสุพรรณบุรีบ้าง จังหวัดนครปฐมบ้าง ทางด้านจังหวัดกาญจนบุรีก็ไม่ตามต่อเหมือนกัน

ครั้นถึงเวลา พลตระเวนของจังหวัดสุพรรณบุรีเข้ามาปราบ โจรก็หนีข้ามมาเขตจังหวัดนครปฐมบ้าง จังหวัดกาญจนบุรีบ้าง

"เอาเถิดเจ้าล่อ" กันอยู่แบบนี้ จนกระทั่งไม่สามารถที่จะปราบปรามได้สำเร็จ ท้ายที่สุดก็มีผู้ออกความคิด ก็คือทำโครงการสร้างสนามบินกำแพงแสนขึ้นมา เป็นพื้นที่ ๑๐,๕๐๐ ไร่ ต่อด้วยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน ซึ่งสมัยนั้นเป็นแค่วิทยาเขต อีก ๘,๐๐๐ ไร่ จึงทำให้ต้องถล่มป่าตรงนั้นทิ้งไปเลย บรรดาโจรต่าง ๆ ไม่มีที่อาศัยหลบการตามล่าของพลตระเวน จึงทำให้ต้องสลายชุมโจรไปโดยปริยาย..!

พวกกระผม/อาตมภาพยังมีโอกาสได้เห็นการก่อสร้างสนามบิน ถึงได้รู้ว่าการก่อสร้างนั้นลำบากมาก บริษัทที่มารับเหมาก่อสร้างชื่อบริษัทเกอร์ซันแอนด์ซัน จำกัด การสร้างของเขาก็คือขุดพื้นลงไปลึกจนเป็นบ่อขนาดมหึมามโหฬาร แล้วก็ทำการไถ เอาน้ำรด เอารถบดทับลงไป แล้วก็ไถขึ้นมาใหม่ เอาน้ำรถ เอารถบดทับลงไป ทำอย่างนี้ไปเรื่อยจนกระทั่งหางไถกดไม่ลง ก็แปลว่าแน่นหนาพอแล้ว

จากนั้นก็มีการปูแผ่น น่าจะเป็นอะลูมิเนียมผสม ซึ่งลักษณะความกว้างก็น่าจะประมาณเกือบ ๒ ฟุต ความยาวก็อยู่ที่ประมาณ ๖ เมตร ซึ่งในส่วนนี้ความจำของเด็กสมัยนั้นอาจจะกะประมาณผิด ในเมื่อปูแผ่นโลหะเหล่านี้เต็มแล้ว ถึงได้มีการดาดคอนกรีตลงไปอีก อยากจะบอกว่าการก่อสร้างสมัยนั้น เป็นการสร้างแบบไว้ฝีมือ ไว้ชื่อของบรรดาบริษัท ห้างร้าน ร้านค้าต่าง ๆ ในสมัยนั้น ก็คือทำกันที อยู่ไปชั่วลูกชั่วหลาน ไม่ใช่ทำกันเหมือนสมัยนี้ คือมีการกำหนดให้หมดอายุได้ด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2023 เมื่อ 01:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา