พระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา หรือพระศาสดานั้น ก็คือพระพุทธรูปสำคัญ ๑ ใน ๓ องค์ ที่สมเด็จพระเจ้าศรีทรงธรรมปิฎก หรือที่เรียกแบบชาวบ้านเข้าใจกันว่า "พระมหาธรรมราชาลิไท" ได้ดำเนินการหล่อขึ้น และได้ประดิษฐานอยู่ที่เมืองพิษณุโลกมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จนกระทั่งได้รับการอัญเชิญมายังกรุงเทพมหานคร ประจำอยู่ที่อุโบสถวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวิหารพระศาสดา
องค์ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระดำริ จะอัญเชิญพระพุทธชินราช มาประจำอยู่ที่อุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร เมื่อตอนที่สร้างวัดเสร็จใหม่ ๆ ปรากฏว่าชาวเมืองพิษณุโลกร้องไห้ว่านำเอาพระสำคัญไปจนหมด แล้วจะเหลืออะไรเป็นที่พึ่งของชาวเมืองพิษณุโลก ?
องค์สมเด็จพระปิยมหาราชทรงเห็นใจประชาชนทั้งหลาย จึงได้ส่งช่างขึ้นไปทำการถอดแบบ แล้วหล่อเป็นองค์พระพุทธชินราชจำลอง ซึ่งประจำอยู่อุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร แต่ว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ว่า ไม่ว่าบุคคลใดก็ตาม จะมีฝีมือในระดับไหน ก็ไม่สามารถที่จะถอดแบบองค์พระพุทธชินราชออกมา แล้วหล่อได้เหมือนต้นแบบเลยแม้แต่รายเดียว..!
เรื่องที่กระผม/อาตมภาพยังคาใจอยู่ก็คือว่า ถ้าหากว่าชีปะขาวที่มาร่วมพิธีหล่อพระนั้นก็คือพระวิษณุกรรมเทพบุตร ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่าในปัจจุบันนี้ เขามีเทคนิคในการสแกนองค์พระสามมิติ ซึ่งยืนยันได้ว่าจะเหมือนทุกกระเบียดนิ้ว กระผม/อาตมภาพอยากให้มีบุคคลทดสอบเหลือเกินว่า ถ้าใช้ระบบสแกนสามมิติแล้วยังหล่อได้ไม่เหมือน แสดงว่าฝีมือเทวดาสร้าง ไม่มีอะไรที่จะเลียนแบบได้จริง ๆ
หลังจากนั้น กระผม/อาตมภาพก็เดินทางต่อไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อสักการะองค์พระแก้วมรกตและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เมื่อไปถึงก่อนเวลา จึงได้เดินลงไปยังอุโมงค์มหาราช ไปทำการภาวนาสะสมเสบียงบุญอยู่ ณ ที่นั้น จนกระทั่งเวลา ๘ โมงเช้า เดินมาถึงหน้าประตู นายทหารที่เฝ้าอยู่แจ้งว่า "เปิด ๘ โมงครึ่งครับ" กระผม/อาตมภาพจึงเดินเลยไปยังศาลหลักเมือง ปรากฏว่าทางด้านตรงสามแยกใหญ่นั้น มีการตั้งกองถ่ายภาพยนตร์กันอยู่ มีเจ้าหน้าที่คอยชี้บอกว่าเราควรจะเดินหลบไปทางไหน ถึงจะไม่ไปเกะกะการถ่ายหนังของเขา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2023 เมื่อ 01:51
|