ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 04-10-2023, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,684 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกวิธีหนึ่งก็คือ การเข้าฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ แบบคล่องตัว ชนิดที่จะเข้าเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น แล้วลงไปจารตะกรุดนี้ที่ใต้น้ำ

การที่เราเข้าฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ นั้น ร่างกายจะทิ้งลมหายใจหยาบโดยอัตโนมัติ เหลือเพียงปราณละเอียดเท่านั้น ซึ่งปราณละเอียดนี้ไม่จำเป็นต้องใช้การหายใจทางจมูก ผิวหนังทุกส่วนในร่างกายของเราสามารถใช้หายใจได้ แล้วขณะเดียวกัน สภาพร่างกายภายนอกนั้น ถ้าให้หมอตรวจก็คือตายไปแล้ว..! เนื่องเพราะว่าไม่สามารถที่จะจับชีพจรใด ๆ ได้เลย เหลือเพียงปราณละเอียด ที่มีลักษณะเหมือนอย่างกับใยแมงมุมเส้นใส ๆ บางนิดเดียว อยู่ระหว่างจมูกกับศูนย์กลางกาย หรือถ้าหากว่าทั่ว ๆ ไป ก็จะอยู่ระหว่างจมูกกับใต้สะดือลงไป ๓ นิ้ว ถ้าหากว่าปราณนี้ยังอยู่ ร่างกายนี้ก็อยู่ได้ ไม่ตาย ไม่เน่าเปื่อย อย่างเด็ดขาด

ถ้าหากว่าจะทำในลักษณะนี้ ต้องถึงขนาดสามารถบังคับร่างกายให้ทำงานได้ ก็คืออยู่ในลักษณะที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านใช้คำว่า "ฌานใช้งาน" ลักษณะนี้ก็แบบเดียวกัน คือเมื่อลงไปอยู่ใต้น้ำแล้ว ร่างกายก็อาศัยปราณละเอียด ซึ่งก็คืออากาศที่เข้ามาจากทุกส่วนของร่างกายในการหายใจ แล้วก็จารตะกรุดไปจนกว่าที่จะเสร็จเรียบร้อย

ส่วนวิธีที่พระอาจารย์หรือว่าหลวงพ่อท่านนั้นทำ เป็นการดำน้ำกลั้นหายใจลงไปจารตะกรุดแค่ชั่วลมหายใจเดียวเท่านั้น แล้วก็โผล่ขึ้นมาหายใจ หลังจากนั้นก็กลั้นหายใจใหม่ ลงไปจารตะกรุดอีก ซึ่งตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอะไรเลย เนื่องเพราะว่าถ้าอยู่ในลักษณะนั้น จารตะกรุดบนบก หรือว่าจารบนโต๊ะทำงานก็ได้เหมือนกัน เพราะว่าแค่กลั้นลมหายใจเท่านั้น

การกลั้นลมหายใจนั้นเป็นอุปเท่ห์หรือวิธีการอย่างหนึ่งที่คนโบราณใช้สร้างสมาธิกัน เนื่องเพราะว่าทันทีที่เรากลั้นลมหายใจ สภาพจิตจะรู้ว่าตอนนี้เราไม่หายใจ อาจจะตายก็ได้ จิตก็จะนิ่งสงบลงชั่วคราว ทำให้มีพลังขึ้นมา ก็สามารถที่จะว่าพระคาถา หรือว่ากระทำวัตถุมงคลต่าง ๆ บางส่วนให้เข้มขลังขึ้นมาได้ เพียงแต่ว่าการกลั้นลมหายใจนั้น ถ้าหากว่าเป็นท่านที่มีความชำนาญจริง ๆ ก็จะไม่ใช่การกลั้นลมหายใจแล้ว อย่างเช่นว่าต้องกลั้นลมหายใจเพื่อว่าพระคาถาให้ครบ ๑๐๘ จบ ในชั่วอึดใจเดียว ถ้าลักษณะนั้น แปลว่าท่านทรงฌานได้แล้ว ไม่ใช่การกลั้นลมหายใจตามปกติ

คราวนี้การกลั้นลมหายใจเพื่อให้เกิดสมาธินั้น เป็นสิ่งที่ใช้ในเวลาฉุกเฉิน ไม่สมควรที่จะทำบ่อย ๆ เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าเราเคยชินแล้ว เมื่อถึงเวลาจะภาวนา ก็จะไปกลั้นลมหายใจอัตโนมัติ เป็นการทำให้ตนเองไม่สามารถที่จะใช้อานาปานสติ ก็คือลมหายใจเข้าออก จนกระทั่งสมาธิทรงตัวเป็นฌานสมาบัติตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป ก็คือคิดจะทำสมาธิเมื่อไร ก็ไปกลั้นลมหายใจอัตโนมัติ อย่างเก่งก็ได้แค่อารมณ์อุปจารฌาน คือใกล้จะเป็นปฐมฌานละเอียด ไม่ก็ได้แค่อุปจารสมาธิเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2023 เมื่อ 05:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา