อย่าว่าแต่พวกเราทั้งหลายนั้น ไม่ได้เห็นว่าความตายเป็นของน่ากลัว หากแต่ว่าความตายนั้นเป็นปกติธรรมดา ซึ่งไม่ว่าสัตว์โลกทั้งหลาย เกิดมาเท่าไรก็ตายหมดเท่านั้น ไม่มีใครที่สามารถล่วงพ้นไปได้ เพียงแต่ว่าการเกิดนั้นใช้เวลาแค่ ๙ เดือน ๑๐ เดือน แต่ว่ากว่าจะตายใช้เวลาหลายปี จึงดูเหมือนกับว่ามีคนเกิดมากกว่าคนตาย แต่ความจริงคนเกิดกับคนตายนั้นมีเท่ากัน ก็คือใครเกิดมาคนนั้นก็ตาย
แต่ว่าก่อนที่จะตายนั้น เราเองได้สร้างคุณงามความดีเอาไว้เท่าไร ? ถ้าหากว่าสร้างคุณงามความดีเอาไว้มาก มีความพร้อมมาก ก็เหมือนกับคนที่พร้อมในการเดินทางไกล แม้ว่าจะไปไกลแค่ไหน เครื่องอำนวยความสะดวกสบายก็เตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว จึงไม่ได้หวั่นไหวในการเดินทาง ท่านที่ไม่มีความพร้อม ก็จะต้องหวั่นไหว แล้วขณะเดียวกัน ก็อาจจะไม่แน่ใจ ไปจนถึงกลัวตายไปเลยก็มี..!
เรื่องพวกนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องซักซ้อมตนเองอยู่เสมอ ว่าถ้าเราตายลงไปในวันนี้ คนที่เรารักมีหรือไม่ ? ของที่เรารักมีหรือไม่ ? สิ่งที่เราห่วงใยมีหรือไม่ ? ถ้าหากว่าตอบออกจากใจจริงว่ามี แต่ว่าเราสามารถที่จะตัดละไปเดี๋ยวนี้ได้หรือไม่ ? ถ้ากำลังใจของท่านสามารถที่จะทิ้งทุกอย่างไปได้ในฉับพลันทันที ไม่มีสิ่งหนึ่งประการใดคาใจอยู่ ก็แปลว่ากำลังใจของท่านนั้นควรแก่การที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน
แต่ว่าการที่ท่านทั้งหลายดำรงชีวิตอยู่นั้น ก็จะอยู่ในลักษณะของการทำดี เพราะรู้ว่าดีถึงทำ ละชั่ว เพราะรู้ว่าชั่วถึงละ แต่ว่าไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่วแล้ว กำลังใจในลักษณะนี้ ก็จะทำให้ท่านสามารถที่จะผ่ากลาง ซึ่งเป็นช่องนิดเดียวเท่านั้น ให้สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกนับชาติไม่ถ้วนไปได้
ถ้าท่านไม่สามารถที่จะผ่ากลางหลุดจากตรงนี้ไปได้ อย่างไรเสียก็ให้ตะเกียกตะกายรักษาศีล เจริญภาวนา หมั่นพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ทั้งของร่างกายเราเอง ทั้งของร่างกายคนอื่น ทั้งของร่างกายสัตว์อื่น ตลอดจนกระทั่งวัตถุธาตุทั้งหลาย
เมื่อเห็นชัดเจนแล้ว พยายามถอนความยึดมั่นถือมั่นออกมา ท่านเองก็สามารถที่จะตัดหนทางการเวียนว่ายตายเกิดอันยาวนานในวัฏสงสารนั้น ให้เหลือสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าหากว่าล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ในชาตินี้ ก็ถือว่าท่านทั้งหลายได้กำไร และสมกับความตั้งใจที่มีมาตั้งแต่เบื้องต้นแล้ว
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-08-2023 เมื่อ 01:18
|