วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพต้องไปยังมณฑลพิธีหน้าศาลาการเปรียญวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ตั้งแต่ก่อน ๗ โมงเช้า เนื่องเพราะว่าตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ผู้เป็นเจ้าของงาน และท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ลงไปรออยู่ก่อนแล้ว
งานนี้ความจริงกระผม/อาตมภาพต้องทำการบวงสรวง นอกจากเพื่องานสืบชะตาหลวง ๘๖ ปีของตุ๊พ่อสิงห์แล้ว ยังต้องขออนุญาตหล่อพระด้วย แต่เนื่องจากว่าเสียงไม่อำนวยให้ จึงขอให้ทางวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ เปิดเสียงบวงสรวงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงแทน ก็แปลว่าหลังจากที่ออกจากวัดมา ๓๐ ปี นี่เป็นครั้งที่สองที่เปิดเสียงของหลวงพ่อฤๅษีฯ ในการบวงสรวง
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการบวงสรวงเพื่อขออนุญาตสร้างเกาะพระฤๅษี ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ นั้น กระผม/อาตมภาพก็เปิดเสียงบวงสรวงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านตามปกติ แต่มีเสียงด่ากรอกหูมาว่า "พวกแกใช้ข้าจนตายแล้ว ยังจะใช้ต่ออีกหรือวะ..?!"
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระผม/อาตมภาพก็ใช้เสียงตนเองในการทำบวงสรวงตลอดมา แต่ว่างานนี้ไปไม่รอดจริง ๆ เพราะว่าญาติโยมที่ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่นี้ อาจจะไม่ได้ยินเสียงไอ เสียงจาม เนื่องเพราะว่าเจ้าหน้าที่มีการตัดต่อขัดเกลาเสียงเสียก่อน แต่ถ้าหากว่าให้ไปบวงสรวงสดแบบนั้น ก็มีหวังได้ขายหน้าเขาแน่นอน..!
เมื่อเสร็จพิธีการบวงสรวงเรียบร้อยแล้ว ก็มาทำการปลุกเสกวัตถุมงคลภายในศาลาการเปรียญ ซึ่งนอกจากตุ๊พ่อสิงห์ ท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยแล้ว ก็ยังมีหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) จากที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร มีพระปลัดเอกลักษณ์ ปญฺญาคโม จากวัดพุทธพรหมยาน จังหวัดฉะเชิงเทรา
เสร็จสรรพเรียบร้อย ปรากฏว่าทางด้านพิธีกรก็คือพระครูปลัดฟลุก (พระครูปลัดธีร์นวัช ญาณสิทฺธิวาที) ก็ได้ส่งไมโครโฟนให้กระผม/อาตมภาพสนทนาธรรมกับญาติโยม ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้แต่โบกมือลา เพราะว่าไม่ไหว ต้องให้ท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยและตุ๊พ่อสิงห์ท่านว่าแทน ตนเองได้แต่นั่งเป็นเนื้อนาบุญอย่างเดียว
จนกระทั่งได้เวลา ก็เริ่มพิธีสืบชะตาหลวง ซึ่งพิธีสืบชะตานี้ทำได้ทั้งตัวบุคคลและสถานที่ ถ้าหากว่าทำเผื่อคนเป็นจำนวนมาก ก็เรียกว่า "พิธีสืบชะตาหลวง" ถ้าทำเฉพาะตน ก็เรียกว่า "พิธีสืบชะตา"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-08-2023 เมื่อ 01:13
|