สตรีนักภาวนาดูกาย
สตรีอีกท่านหนึ่งเป็นนักภาวนาคนสุดท้าย ที่เขียนจดหมายมาถามปัญหาธรรมหลายครั้ง และองค์หลวงตาเมตตาตอบจดหมายด้วยตนเองทุกครั้ง หรือแทบทุกครั้ง แม้จะเข้าวัยชราภาพมากแล้วก็ตาม (ช่วง ๑๐ ปีสุดท้ายก่อนมรณภาพ)
เนื่องจากเป็นนักภาวนาที่ชอบการพิจารณาอสุภะแบบโลดโผน มีการทดสอบลิ้มรสสัมผัสให้เห็นจริง ถึงความสกปรกน่าขยะแขยงน่ารังเกียจของร่างกาย จนเห็นผลของการปฏิบัติในระดับที่องค์หลวงตาแนะให้มาปฏิบัติเต็มตัว จากนั้นไม่นานสตรีท่านนี้จึงพักชีวิตทางโลก หันมาภาวนาเต็มตัวหลายต่อหลายปีที่วัดป่าบ้านตาด เพื่อจะปฏิบัติได้เต็มที่และสะดวกต่อการเข้าปรึกษาองค์หลวงตา
สตรีท่านนี้ได้เข้าถามปัญหาจิตภาวนากับองค์หลวงตาที่กุฏิของท่านหลายครั้ง ท่านก็ให้แนะอุบายวิธีเป็นลำดับ ต่อมาเมื่อเข้าวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕ สตรีท่านนี้ได้ตั้งข้อปัญหาขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ศาลาใน คำถามครั้งนี้เป็นสาเหตุให้ท่านระลึกถึงอดีต ที่เคยเกิดปัญหาธรรมขั้นสูงที่วัดดอยธรรมเจดีย์ และหลงติดปัญหานี้กับตนเองนานถึง ๓ เดือนเพราะขาดครูอาจารย์แนะนำ ต่อมาเมื่อแก้ปัญหาตกลงไปได้ ก็เกิดความอัศจรรย์ในธรรมอย่างใหญ่หลวง ถึงขั้นน้ำตาร่วงขณะสำเร็จธรรม
ในการแสดงธรรมอัศจรรย์ที่ศาลาในครั้งนี้ก็เช่นกัน เนื้อหาธรรมถึงกับทำให้ท่านต้องน้ำตาร่วงออกมาอีก คลับคล้ายกับเมื่อครั้งอดีตที่วัดดอยธรรมเจดีย์ จึงกราบเท้าขอน้อมนำพระธรรมเทศนาครั้งนี้มาแสดงโดยย่อ ดังนี้
ถาม หลวงตาเจ้าขา เมตตาสอนการพิจารณาให้ถึงฐานความตายด้วยเจ้าค่ะ ?
หลวงตา ฐานความตายก็อยู่ในนั้น ดูเอาตรงนั้นซิ ตายกับเกิดอยู่ในจิตดวงนั้น ตัวจิตไม่เกิดไม่ตาย สิ่งแทรกพาให้เกิดให้ตาย เข้าใจหรือเปล่า ? ดูตัวจิต ไม่เห็นพิษของจิตจะไม่เห็นพิษของสิ่งเหล่านี้ จิตเป็นภัยเวลานี้ เข้าใจหรือเปล่า ? อย่าว่าจิตเป็นคุณอย่างเดียวนะ ภัยอยู่กับจิตนั่น ฟาดตัวจิตเป็นตัวภัยแล้ว ตัวนั้นอยู่ด้วยกันมันก็พังลงไป เข้าใจหรือเปล่าล่ะ ? ถ้ายังมายอจิตอยู่เมื่อไร จมนะ..อย่าว่าไม่บอก เท่านั้นแหละ ถึงกาลเวลาแล้วปัดหมดเลย ไม่มีอะไรเหลือสงวนอะไรไว้ นั่นละ..คือกองมหาพิษมหาภัย
เราพูดอย่างนี้แล้วมันก็กระเทือนถึงที่ว่า หลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ ตอนเช้าก่อนจังหันอย่างนี้ จิตมันอัศจรรย์อย่างว่านั่นแหละ อัศจรรย์บ้าอะไรก็ไม่รู้ เจ้าของอัศจรรย์เจ้าของน่ะซี
"โอ้โห..ทำไมจิตของเราถึงได้สว่างไสวอัศจรรย์เอาขนาดนี้เชียวนา" รำพึง..เดินจงกรมยืนอยู่ มันจ้าไปหมดเลย ทำไมถึงได้อัศจรรย์ขนาดนี้ ? จิตดวงนี้ ๆ นั่นละตัวมหาภัย คือตัวที่ว่าอัศจรรย์ นั่นเห็นไหมล่ะ..นั่นละ..ธรรมท่านกลัวไปหลงน่ะซี ก็เราติดอยู่แล้วหลงอยู่แล้วว่าไง ไม่มีอะไร ๆ ก็มาเอาจุดสุดท้าย นั่นละวัฏจักร เรียกว่าอวิชชาตรงนั้นเอง นั่นละยอดอวิชชา ยอดวัฏจักรวัฏจิต คืออวิชชา มันไม่มีอะไรแล้วก็ไปชมเชยตรงนั้น
สักเดี๋ยวขึ้นละซี ธรรมท่านเตือนขึ้นมา เพราะว่าที่ว่าสว่างไสว มันมีจุดของมันอยู่นั้น เหมือนตะเกียงเจ้าพายุ ไส้ตะเกียงเจ้าพายุมันจ้าอยู่นั้น ออกไปข้างนอกมันก็ออกจากไส้ตะเกียงที่สว่างจ้า นั่นละตัวสำคัญ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2023 เมื่อ 18:51
|