ปลาเขาจะต้องตะเกียกตะกายขึ้นไป  จนถึงจุดหมายปลายทางของเขาด้านบน เขาจึงจะสามารถที่จะแพร่พันธุ์ของเขาต่อไปได้  สามารถที่จะสืบทอดเผ่าพันธุ์ของเขาต่อไปได้  ลองมานึกว่า  ถ้าหากตัวเราแพ้กิเลส  ก็เท่ากับว่าเราไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ แล้วจะไปสั่งสอนคนอื่นต่อ  ก็ขาดความขลัง เพราะว่าตัวเองยังทำไม่ได้  สิ่งที่พูดไปก็ไม่น่าเชื่อถือ     
 
ในเมื่อเรามาดูตัวอย่าง  ทั้งลูกไก่ก็ดีทั้งปลาก็ดี    ลูกไก่รู้จักเอาตัวรอดจากอันตรายด้วยการเชื่อฟังพ่อแม่ และพยายามตะเกียกตะกายตามพ่อแม่สุดชีวิต  เพื่อที่จะได้อยู่รอดต่อไปได้  ขณะเดียวกันปลาก็ต้องทวนน้ำขึ้นมาด้วยความยากลำบากเหมือนกัน ไม่รู้ว่าไกลขนาดไหน  ถ้าหากตัวไหนหากินไปถึงปากอ่าว ก็ต้องตะกายกลับมาหลายร้อยกิโลเมตร แต่ท้ายสุดเขาก็กลับมายังที่เดิมที่เดียวกัน เพื่อที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ของตัวเองต่อไป      
 
ใครที่ผิดพลาด ก็แปลว่าจะต้องกลายเป็นเหยื่อของสัตว์อื่นตั้งแต่กลางทาง หรืออาจจะมาไม่ถึง ไม่สามารถที่จะจับคู่เพื่อที่จะกระจายพันธุ์ของตัวเอง  ก็เหมือนกับคนที่แพ้กระแสกิเลส ไม่สามารถที่จะสืบทอดความดีของครูบาอาจารย์ได้ ขณะเดียวกันนอกจากตัวเองไม่สามารถที่จะได้ความดีอันนั้นแล้ว เราจะกระจายความดีต่อไปก็ไม่ได้อีก   
 
ถ้าเราเปรียบกระแสน้ำเป็นกระแสกิเลส  ทุกวันนี้เราต้องทวนน้ำอยู่ตลอดเวลา จะเป็นปลาตายไม่ได้  เพราะปลาตายจะลอยตามน้ำ    ต้องเป็นปลาเป็น ว่ายทวนน้ำไปเรื่อย ๆ ถ้าหากว่ารอดจากเบ็ด รอดจากฉมวก รอดจากตาข่ายไป เป็นอันว่าคุณแข็งแรงพอที่จะทำหน้าที่ตนเองให้สมกับที่เกิดมาชาตินี้  แต่ถ้าหากว่าไม่รอด  ชาติหน้าค่อยเจอกันใหม่..! 
 
 
พระครูธรรมธรเล็ก  สุธมฺมปญฺโญ 
เทศน์ช่วงบ่าย  ณ   บ้านอนุสาวรีย์ 
วันศุกร์ที่  ๕  มีนาคม   ๒๕๕๓
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-11-2014 เมื่อ 01:50
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |