สตรีนักภาวนาชาวกรุง
องค์หลวงตากล่าวถึงสตรีท่านหนึ่ง ปัจจุบันออกปฏิบัติธรรมเป็นอุบาสิกา เมื่ออดีตเคยทำงานอยู่สายงานวิศวกรรม การไฟฟ้านครหลวง กรุงเทพฯ การใช้ชีวิตในครั้งนั้นไม่แตกต่างอะไรจากคนทางโลกทั่วไป เพราะมีครอบครัวและบุตรธิดาถึง ๓ คน มีภาระหน้าที่การงานที่ต้องบริหารและรับผิดชอบ แต่ด้วยจิตใจรักและเห็นประโยชน์ใหญ่หลวงด้านจิตภาวนา สตรีท่านนี้จึงพยายามเจียดเวลาเดินจงกรมและนั่งสมาธิภาวนาอย่างจริงจัง ฝึกฝนสติปัญญาไปพร้อมกับการงาน โดยมิยอมให้เสียงานทางโลกแต่อย่างใด
อุบาสิกาท่านนี้ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอมาหลายปี ด้วยความพากเพียรระหว่างทำงานอยู่ทางโลก โดยพยายามเสาะหาอุบายธรรมจากครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานหลายต่อหลายองค์ มีหลวงปู่หล้า เขมปัตโต เป็นต้น หลังจากปฏิบัติมานานนับสิบปี จึงได้มีโอกาสเข้ากราบสนทนาธรรมกับองค์หลวงตาที่สวนแสงธรรมในคราวท่านลงไปกรุงเทพฯ และได้เล่าผลอัศจรรย์อันเกิดจากจิตภาวนาถวายองค์หลวงตาเป็นที่รื่นเริงในธรรมทั้งอาจารย์และศิษย์ในขณะนั้น
เมื่อท่านกลับมาวัดป่าบ้านตาดแล้ว หลังจังหันวันหนึ่งปลายปี พ.ศ.๒๕๓๘ ท่านได้แสดงธรรมมีเนื้อหาไปสัมผัสกับเรื่องที่ได้สนทนากับอุบาสิกาท่านนี้ ดังนี้
"..พอพูดอย่างนี้ ก็ไปสัมผัสเรื่องหญิงคนหนึ่ง แกภาวนาอยู่ตามประสีประสาของแก สุดท้ายเอาจริงเอาจัง..เป็นเข้าจริง ๆ เวลาเป็นเข้าจริง ๆ แล้วเห็นโทษของกิเลสนี้ แหม..แกว่าอย่างนี้นะ
"ทำไมมันถึงร้ายแรงเอานักหนากิเลสนี่ รุนแรงมาก ทั่วสามแดนโลกธาตุกิเลสขยำคน"
ฟังซิ..แกไม่ได้เรียนนะ แกไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนทางอรรถทางธรรม ออกจากภาคปฏิบัติล้วน ๆ
"มองไปที่ไหนดูมีแต่กิเลสขยี้ขยำหัวสัตว์โลกเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ว่าสัตว์เดรัจฉาน ไม่ว่ามนุษย์ ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะใด มีแต่กิเลสขย้ำเอาโงหัวไม่ขึ้นเลย สลดสังเวช บาทีก็กระซิบบอกเพื่อนฝูงบ้าง บางคนพวกคลั่งกิเลสมันก็ไม่พอใจ สุดท้ายจะทำภาวนาก็ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปทำอยู่ตามป่าตามอะไร เพราะทำงานอยู่ตลอดเวลา สติไม่ได้เผลอตลอดเวลา มันเป็นเองของมัน"
คำพูดอย่างนี้เป็นจริงเอามาพูดได้เหรอ ต้องออกมาจากภาคปฏิบัติรู้จริงเห็นจริง
"สตินี้ดี ดีจริงๆ ไม่ใช่ธรรมดา ไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะทำการทำงานอะไร สติจ่อแล้วทำงานก็ทำไปตามเรื่อง ทำงานทางโลกก็ทำ ภายในก็ทำหมุนติ้ว"
นั่นเห็นไหม ได้ยินแต่หลวงตาบัวว่าหมุนติ้ว ๆ นี่..มีพยานแล้วนะ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-08-2023 เมื่อ 16:36
|