นี่คือหลักอิทธิบาท ๔ ปกติธรรมดา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนว่า ถ้าเราต้องการความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม ต้องมีอิทธิบาท ๔
อิทธิ ความสำเร็จ ปาทะ หรือมาเป็นภาษาไทยว่าบาท คือพื้นฐาน พื้นฐานแห่งความสำเร็จ แต่บ้านเราก็เป็นเรื่องแปลก ใช้ภาษาบาลีเป็นหลัก แต่ตัวหนังสือมักจะใช้สันสกฤต ก็เลยแทนที่จะใช้อิทธิ เราไปใช้อิทธิฤทธิ์ หรือว่าอิทธิฤทธิ
อิทธิ ภาษาบาลีแปลว่าทำให้สำเร็จ ฤทธิ ภาษาสันสกฤต แปลว่า ทำให้สำเร็จ คนไทยกลัวจะไม่สำเร็จ เล่นอิทธิฤทธิ์ไปเลย..!
ก็แบบเดียวกับคำว่าวิปุละ หรือว่าวิบูลย์ ภาษาบาลีแปลว่าสมบูรณ์พร้อม มีเหลือเฟือ คนไทยมาใช้สันสกฤตว่าไพบูลย์ เรียนบาลีแต่ใช้สันสกฤต กระผม/อาตมภาพก็รู้สึกว่าเพี้ยน ๆ อยู่เหมือนกัน..!
คราวนี้เมื่อเราปฏิบัติตามหลักอิทธิบาท ๔ เมื่อมีฉันทะ คือพอใจที่จะทำ ต้องสร้างขึ้นมาให้ได้ พูดง่าย ๆ คือต้องเปลี่ยนทัศนคติของตนเองด้วย ถ้าทัศนคติ หรือ attitude ไม่ได้เรื่อง เราก็จะไม่ได้เรื่องตลอดไป ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเองได้ ต้องเปลี่ยนทัศนคติว่า ถ้าเรายังทำแบบนี้อยู่ เราก็จะโดนผู้บังคับบัญชาบ่นอยู่ตลอดเวลาว่าส่งงานไม่ทัน
ในเมื่อมีทัศนคติว่าไม่อยากโดนบ่น ไม่อยากโดนด่า ก็ต้องเปลี่ยนทัศนคติ หันมาพอใจที่จะทำอย่างนั้น แล้วก็วิริยะ พากเพียรทำไปให้เต็มที่ อย่างที่เคยบอกอยู่ว่า ถ้าหากว่าเราทุ่มเท ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ บางทีความสำเร็จจะมาช้า แต่ถ้าหากว่าเราทุ่มเทสัก ๑๒๐ หรือ ๑๕๐ เปอร์เซ็นต์ ความสำเร็จจะมาเร็วขึ้น
ก็เหลือที่จิตตะ เอาใจจดจ่อปักมั่นอยู่เสมอ คอยเพิ่มเติมข้อมูล คอยตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา ใจคออยู่กับงาน ไม่ได้ไปไหนเลย ถ้าปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ใจเราก็อยู่กับปัจจุบันตรงหน้า
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2023 เมื่อ 02:25
|