วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ญาติโยมส่วนมากที่มาร่วมงานไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร ใครได้ที่นอนก็ถือว่าโชคดีไป เพราะว่าในทองผาภูมิของเรา ที่พักทุกแห่งเขาจองหมดไปตั้งแต่สามเดือนที่แล้ว..! ส่วนทางอำเภอไทรโยคหมดไปเมื่อเดือนที่แล้ว
แล้วยิ่งท่านใดที่จอดรถในวัดได้ก็ถือว่าโชคดีที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะต้องเดินไกลหลายกิโลเมตร ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าหลายท่านก็ไม่เข้าใจ ไม่เคยมา บางท่านก็ถามว่า "ต้องขึ้นเขาหรือเปล่า ?" ถ้าอยากจะขึ้นก็ได้ ก็มีทั้งยอดเขาพระพุทธเจติยคีรี มีทั้งยอดเขารอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน..!
หลายท่านไม่เคยมา กะเวลาผิด เนื่องเพราะว่าถ้าท่านทั้งหลายวิ่งจากกรุงเทพมหานคร ผ่านนครปฐม ผ่านบ้านโป่งของราชบุรี มาถึงกาญจนบุรี เป็นระยะทาง ๑๒๖ กิโลเมตร ผ่านไป ๔ จังหวัด แต่ถ้าหากว่าวิ่งจากกาญจนบุรีมาทองผาภูมิ ซึ่งเป็นอำเภอของตัวเอง ๑๔๐ กิโลเมตร..! ไกลกว่ามาก หลายท่านที่ไม่เคยมาก็เลยกะเวลาผิด
โดยเฉพาะพรรคพวกกันก็คือท่านเจ้าคุณสายชล - พระเทพสุธี (สายชล ฐานวุฑฺโฒ ป.ธ.๙) อดีตเจ้าคณะภาค ๑ เรียนท่านแล้วว่า "ไปวัดผมเตรียมเวลาไว้ ๔ ชั่วโมงนะครับ" ท่านก็คิดว่าแค่เมืองกาญจน์เท่านั้น ปรากฏว่านิมนต์มาสวดมนต์ฉันเพล ท่านมาถึงตอนเกือบบ่ายโมง คงคิดว่าอยู่ใกล้ ๆ แค่เมืองกาญจน์เรื่องเล็ก..!
งานนี้ไม่มีการรับวัตถุมงคลเข้าพิธี ส่วนใหญ่แล้วงานเป่ายันต์เกราะเพชร พระท่านจะสงเคราะห์ให้เฉพาะวัตถุมงคลที่เราติดตัวอยู่ แต่คราวนี้ คำว่า "ติดตัวอยู่" ก็หมายความว่าเป็นของที่เราใช้ประจำ ไม่ใช่ทำขึ้นมาใหม่แล้วเอามาเข้าพิธี เพราะว่าก่อนหน้านี้ การทำขึ้นมาใหม่แล้วเอามาเข้าพิธี ท่านก็สงเคราะห์ให้ แต่ว่าตอนนี้ที่ท่านห้าม เพราะท่านบอกว่า "หากินกันจนเกินงาม"
เมื่อสงสัยว่าทำไมถึงต้องห้าม ท่านบอกว่าโดยปกติแล้ว สมัยก่อนเขาสร้างวัตถุมงคลก็ด้วยความเคารพในพระรัตนตรัย แต่ว่าสมัยนี้สร้างมาเพื่อจำหน่ายหาเงิน วัตถุประสงค์เปลี่ยนแปลงไป แทนที่จะได้คุณงามความดีในเรื่องของอนุสติ ก็กลายเป็น รัก โลภ โกรธ หลง ขึ้นมาแทน ในเมื่อท่านไม่สงเคราะห์ ก็ไม่ต้องใช้ความพยายาม จะใช้วิธีใดมา ไม่ว่าจะที่วัดนี้ หรือว่าที่บ้านของท่าน พระท่านก็ไม่สงเคราะห์ให้อยู่ดี ก็แปลว่า ถ้าใครปล่อยให้เขาจับเขาจองไว้ก็รับผิดชอบกันเอง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2023 เมื่อ 02:44
|