ถ้าหากว่าการย่นระยะทางอย่างที่ครูบาอาจารย์บางท่านได้ทำ อย่างเช่นว่าหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก เดินทางไปยังบ้านงาน โดยที่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเอาเรือเร็วไปรับ แล้วท่านยังรับแขกอยู่ ท่านบอกกับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงว่า "แกไปก่อน เดี๋ยวข้าจะตามไป" แต่เมื่อไปถึงสถานที่จัดงาน ปรากฏว่าหลวงพ่อจงไปนั่งรออยู่แล้ว..!
อย่างนั้นไม่ใช่การย่นระยะทาง แต่เป็นการไปในลักษณะของการเหาะตามแบบของวาโยกสิณ บุคคลที่ไม่เข้าใจ เห็นท่านไปถึงก่อนจึงใช้คำว่าย่นระยะทาง
ส่วนการย่นระยะทางอีกประการหนึ่งนั้นเกิดจากอธิษฐานฤทธิ์ อธิษฐานฤทธิ์นั้นก็คือฤทธิ์ที่เกิดจากการตั้งสัจจะอธิษฐานประการใดประการหนึ่ง แล้วขอไปยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ถ้าหากว่าตนเองมีกำลังสูงพอ มีความมั่นคงต่อสิ่งที่ตนอธิษฐานอย่างเต็มที่ ก็จะเกิดฤทธิ์ที่เรียกว่าอธิษฐานฤทธิ์ เป็น ๑ ในฤทธิ์ ๑๐ อย่าง ทำให้เราสามารถไปถึงสถานที่นั้นได้ จะเรียกว่าการย่นระยะทางก็ได้
แต่ว่าในฐานะของพระภิกษุสามเณรอย่างหนึ่ง ในฐานะของผู้ปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง ควรที่จะรู้มารยาทว่า ไม่ว่าจะเป็นการเหาะก็ดี การหายตัวก็ดี การย่นระยะทางก็ดี ล้วนแล้วแต่ไม่ควรทำให้ผู้อื่นเห็น ถ้าหากว่าผู้อื่นรู้เห็นเมื่อไรก็เตรียมเหนื่อยตายได้เลย เนื่องเพราะว่าบุคคลที่เห็นเราเป็นผู้วิเศษ ก็จะมาหามากวนวันยันค่ำ คืนยังรุ่ง ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน มีสิทธิ์ที่จะเหนื่อยตายในระยะเวลาอันไม่นาน
ขณะเดียวกัน ก็สร้างความเสียหายให้กับบุคคลที่มีโอกาสจะเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า คือการเข้าถึงมรรคถึงผลอย่างแรง เนื่องเพราะว่าการจะเป็นพระอริยเจ้านั้น ต้องมีความเคารพในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงจัง เพราะเห็นคุณงามความดีของพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ไม่ใช่เคารพเพราะท่านมีฤทธิ์มีอภิญญา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:11
|