ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 02-07-2023, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,638 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่ากิเลสนั้นมักจะชักนำเราในลักษณะที่ว่า "คราวที่แล้วยังทำได้เลย ลองทำอีกสักครั้งหนึ่งเถิด" แล้วตัวเราเองที่มีวิสัยไหลลงต่ำเหมือนกับกระแสน้ำ ยากที่จะทวนขึ้นที่สูง ก็จะไหลตามกระแสกิเลสไป ทำให้ทุกคนไม่สามารถที่จะพาตัวตนให้พ้นจากกระแสกิเลสได้
ถ้าหากว่าไม่ปล่อยให้ตนเองตกไปสู่อบายภูมิเลย ก็จะต้องมีความเพียรพยายามในระดับหนึ่ง ที่จะดึงตนเองให้พ้นจากเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านั้นออกมา แต่ว่าส่วนใหญ่แล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็มีกำลังน้อย คำว่า กำลังน้อย ในที่นี้ก็คือกำลังของศีล กำลังของสมาธิ กำลังของปัญญา เนื่องเพราะว่าขาดการขัดเกลา ฝึกฝน ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ อย่างแท้จริง จึงทำให้มีกำลังน้อย ไม่อาจที่จะต่อต้านกระแสกิเลสได้

ดังนั้น..องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้สอนให้เราระวังทุกคำพูดและการกระทำ โดยการให้ศีลมา เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินชีวิต ให้สมาธิมา เพื่อที่เราฝึกฝนแล้ว จะได้มีกำลังในการระงับยับยั้งตนเอง และให้ปัญญามา เพื่อที่อย่างน้อยเมื่อเรามีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นที่ถูกต้อง แล้วเราก็จะได้ใช้ปัญญาของเรา ดำเนินไปตามหนทางที่ถูกต้องนั้นด้วย

จึงทำให้บรรดาข้าราชการต่าง ๆ นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรที่จะต้องศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เพื่อที่จะเอาไว้รับใช้ประชาชน ให้สมกับคำว่า "ข้าราชการ" คือ "ผู้ที่คอยรับใช้กระทำการแทนองค์พระราชา" ไม่เช่นนั้นแล้วท่านทั้งหลายก็จะหลงผิด เข้าใจว่าตนเองเป็นนายของประชาชน

ทั้ง ๆ ที่ข้าราชการบางส่วน คือข้าราชการการเมืองนั้น ก็ได้รับการไว้วางใจเลือกมาจากประชาชนให้เป็นตัวแทนของตน ก็แปลว่าเป็นผู้รับใช้ประชาชน แต่ท่านทั้งหลายมักจะหลงผิด คิดว่าท่านเป็นเจ้านายของประชาชน โดยเฉพาะข้าราชการการเมืองแล้ว ส่วนใหญ่หาคุณธรรมความดีได้ยาก

เนื่องเพราะว่า "บุคคลที่อยู่ในยุทธจักร มักจะไม่เป็นตัวของตัวเอง" บุคคลที่กล้าฝืน กล้าต่อต้านกระแสต่าง ๆ เพื่อยืนหยัดในความถูกต้องนั้น จึงกลายเป็นรัฐบุรุษ แต่ว่าบุคคลที่ปล่อยตนเองไหลตามกระแสไป เห็นว่าทุกอย่างเป็นสีเทา ไม่มีดำขาวที่ชัดเจน ท่านทั้งหลายก็เป็นได้นักการเมืองเท่านั้น..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2023 เมื่อ 01:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา