เมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะ หลวงพ่อพระพรหมดิลกดีใจมาก บอกว่า "เฮ้ย..เล็ก คิดถึงแกมากเลย อยากจะไปพักแถววัดท่าขนุนแล้วก็อยากไปนั่งแพด้วย" กระผม/อาตมภาพเรียนถวายว่า "หลวงพ่อพร้อมเมื่อไร ไปได้ทุกเวลาเลยครับ" ท่านเองยังหัวเราะ บอกว่า "ตอนนี้เป็นคนตกงาน พร้อมที่จะไปได้ทุกเวลา" เมื่อคุยกันจนหายคิดถึงแล้ว ก็ขออนุญาตท่านถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก จากนั้นขอตัวแยกย้ายกันไป
เรื่องของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลกนั้น ต้องบอกว่าเป็นตัวอย่างของนักปราชญ์ที่แท้จริง คำว่านักปราชญ์ที่แท้จริงในที่นี้ก็คือ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทั้งทางโลกและทางธรรม โดยเฉพาะทางโลก ท่านเรียนจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค และจบด็อกเตอร์จากประเทศอินเดีย ต้องบอกว่าเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมรูปแรก ที่จบปริญญาเอกและจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าเป็นมือแต่งฉันท์อันดับต้น ๆ ในประเทศไทย
ขณะเดียวกันในทางธรรม ท่านก็ปฏิบัติตามที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ชุตินฺธรมหาเถระ ป.ธ. ๙) ซึ่งเป็นอดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยาวรวิหาร ได้สั่งสอนกรรมฐานเอาไว้ พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยานั้น หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงให้คำชมเชยไว้เป็นอย่างสูง ยกให้เป็นพระทองคำในกรุง ขนาดที่คุยอะไรไว้ที่วัดท่าซุง เมื่อมาถึงท่านสามารถที่จะพูดออกมาได้ทั้งหมด..!
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลก ท่านรับเอาความรู้ความสามารถส่วนหนึ่งจากการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์มา จึงทำให้เวลาที่ท่านประสบกับการเสื่อมยศ ก็คือโดนถอดออกจากยศ แล้วซ้ำยังต้องไปติดคุกติดตารางอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อพวกกระผม/อาตมภาพเข้าไปเยี่ยม ท่านก็ยังสนุกสนานเฮฮาอยู่เหมือนเดิม บอกว่า "ข้าอยู่ข้างในนี้ปลอดภัยแล้ว พวกแกต่างหากที่อยู่ข้างนอก ระวังไว้เถอะ..จะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้..!?"
แล้วท่านเอง เมื่อพ้นจากคุกจากตารางมา ท่านก็อยู่แบบสงบเสงี่ยมเจียมตน ทำหน้าที่เป็นครูสอนเปรียญธรรม ๙ ประโยคต่อที่วัดสามพระยาวรวิหาร อยู่ในลักษณะของปูชนียบุคคล จนกระทั่งศาลตัดสินว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีความผิดใด ๆ มีคำสั่งให้คดีสิ้นสุดลงไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ จึงได้พระราชทานสมณศักดิ์พระพรหมดิลกคืนให้ โดยถือว่าไม่เคยมีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2023 เมื่อ 01:46
|