กลางวี่กลางวันก็มารออยู่ที่สูง ๆ บนถ้ำ รักษาความปลอดภัยให้ลูก ลูกอยู่คนเดียว มารักษาความปลอดภัยให้ ไม่ให้อะไรมาที่นี่ ถ้าเทวดาว่าไม่ให้มา สัตว์เสือช้างก็มาไม่ได้ ไม่ว่าช้าง ไม่ว่าเสืออะไร เทวดาไม่ให้เข้ามาในบริเวณนี้ พวกสัตว์พวกเปรตผีอะไรไม่ให้เข้ามา เทวดารักษาอยู่ นี่อย่างนี้ก็มี..ฟังเอา
แต่พวกเทวดานี้ร่างกายเหมือนสำลีนะ เบา..เบาเหมือนสำลี ลงมาเหมือนสำลีปลิวลงมา ขึ้นก็เหมือนสำลี เดินธรรมดานี้ก็ได้..ได้ทุกแบบ แล้วแต่อาการแบบไหนที่ควรจะใช้อย่างไร..ใช้ได้ทั้งนั้น
ที่แปลกประหลาดมากก็เวลาคนตาย พระไปอยู่ในถ้ำไกล ๆ จากบ้าน บ้านในป่าในเขาไม่ค่อยมีพระละซิ ในป่าในเขาไม่ค่อยมีพระ ครั้นเวลาคนตายก็มานิมนต์พระท่านไปกุสลาฯ ให้ ใครตายก็ตามในหมู่บ้าน เขาต้องมานิมนต์ท่านไป กุสลา ธัมมาฯ ทีนี้พอคนตาย ทางพระนี้รู้แล้วนี่
'โห..แล้วกัน พรุ่งนี้ต้องไปอีกแล้ว'
ตอนนั้นท่านไม่ได้ฉันข้าวนะ เป็นช่วงเวลาที่พระท่านอดอาหารภาวนาอยู่ ก็เลยต้องเดินทางไปกุสลาฯ ให้เขาในหมู่บ้านโน่น 'เอาอีกแล้ว คนตายแล้ว ตายในบ้านโน้น'
'คนตายในบ้านอีกแล้ว' บางทีก็รู้ขึ้นมาภายในตัวเอง บางทีเทวดามาบอกว่า 'คนตายแล้วนะ' อย่างนั้นก็มี มีได้หลายทาง มาจากเทวดาก็มี ออกจากความรู้เจ้าของก็มี พอประมาณสัก ๑๐ โมงเช้า เขาขึ้นภูเขา 'มาแล้ว'
'มาทำอะไรล่ะ ?' คอยฟังคำตอบ 'มานิมนต์ไปโปรดสัตว์'
แน่ร้อยเปอร์เซ็นต์..ไม่มีผิด ไม่มีเคลื่อนเลย พอตื่นนอนขึ้นมา 'เอาแล้ววันนี้ เตรียมกุสลาฯ แล้ววันนี้' พอ ๙ โมงเช้าหรือ ๑๐ โมงเช้า คนโผล่ขึ้นไปแล้ว
'อะไรล่ะโยม ?'
'นิมนต์ไปโปรดสัตว์'
พวกเรามันตาบอด..ไม่เห็น ท่านผู้ตาดีท่านเห็นธรรมดา เหมือนเราตาดีเห็นอะไรนี่ ท่านผู้ตาดีภายใน นี่ละ..สิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ทั้งหมด ผิดที่ตรงไหน นี่ละ..เครือของศาสนา กิ่งก้านของศาสนา มีอยู่หมดเลย ตั้งแต่อริยสัจเป็นต้นเป็นแกน ขยายกิ่งก้านสาขาออกไปหาพวกเปรต พวกนรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน พวกเปรตพวกผีพวกอะไร ๆ นี้เป็นกิ่งก้านของอริยสัจในวงศาสนา..."
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2023 เมื่อ 23:14
|