ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 25-05-2023, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,419,078 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนวันนี้ ที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต เหตุที่ต้องมาบันทึกตอนนี้ก็เพราะว่า เมื่อขึ้นเครื่องบินไปแล้ว กว่าที่จะถึงสนามบินนานาชาติดอนเมือง ก็เป็นเวลา ๕ โมงเย็นกว่าแล้ว หลังจากนั้นยังต้องหาแท็กซี่เข้าสู่ที่พัก คาดว่าน่าจะเลยเวลาบันทึกเสียงไปนาน จึงทำการบันทึกเสียงเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะได้หมดปัญหาไปตั้งแต่ต้น

สำหรับ
ช่วงเช้าวันนี้ กระผม/อาตมภาพยังคงรับสังฆทานอยู่ที่บ้านของคุณสหัสชัย - คุณวนิดา ทศกาญจน์ ซึ่งมีญาติโยมทั้งหลายมาถามปัญหาธรรมเป็นจำนวนมาก แต่ที่น่าชื่นใจก็คือว่า นอกจากบุคคลที่เห็นทุกข์แล้ว ยังมีบุคคลที่ปฏิบัติแล้ว อารมณ์จิตหลับและตื่นมีความตื่นรู้เท่ากัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก

เพราะว่าการปฏิบัติธรรมทั้งหมดนั้น ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมทั้งหลายก็หวังว่าจะทำให้ได้ถึงในระดับของความเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ซึ่งโอกาสที่จะทำได้ถึงก็น้อย เนื่องเพราะว่าอันดับแรก พวกเราทั้งหลายไม่รู้ว่าต้องทำให้ถึงตรงนี้ อีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อทำถึงแล้วก็ไม่รู้ว่าตนเองทำถึง

อย่างบุคคลที่มาถามในวันนี้บอกว่าตนเองนอนไม่หลับ แต่ความจริงแล้วตนเองนั้นหลับ เพียงแต่ว่าสภาพจิตนั้นตื่นอยู่ ตามที่ได้รับการฝึกปรือมา เพื่อที่จะได้ระมัดระวัง ไม่ให้มีกิเลสเข้ามากินใจเราได้ในขณะที่หลับอยู่ แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็มักจะคิดว่าตนเองนอนไม่หลับ ทั้ง ๆ ที่บางทีนอนไปแล้ว ได้ยินเสียงกรนของตนเองเสียด้วยซ้ำไป..!

หลายท่านนั้น กระผม/อาตมภาพให้คำแนะนำไปว่า อย่าไปสนใจว่าเราจะหลับหรือว่าไม่หลับ ให้ตั้งใจว่าถ้าไม่หลับได้แหละดี เราจะภาวนาให้มากไปเลย ซึ่งถ้าตั้งใจในลักษณะอย่างนี้ สภาพจิตคลายตัวลง ก็มักจะตัดหลับไปเลยทีเดียว

แต่ถ้าท่านที่รู้แล้วว่าสภาพจิตของเรา เมื่อมาถึงตรงนี้จะมีสภาพความตื่นอยู่ เพื่อที่จะได้ระมัดระวัง ไม่ให้กิเลสกินใจของเราได้ในยามที่หลับ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ก็จะอาศัยช่วงนี้ในการกำหนดจิตภาวนา หรือว่าพิจารณาตามที่ตนต้องการ จนกระทั่งได้ระยะเวลาที่สมควร ก็จะสั่งการให้ตนตื่นขึ้นมา ซึ่งการตื่นนั้น ก็แค่กระจายความรู้สึกออกไปตามปลายมือปลายเท้า เมื่อประสาทร่างกายสมบูรณ์แล้ว ก็บอกตัวเองว่า "ลืมตาขึ้น พลิกตัว ลุกนั่ง ยืนขึ้น เดินไปห้องน้ำ" เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-05-2023 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา