ท่านทั้งหลายซึ่งประสบภาวะที่ปฏิบัติธรรมมาเป็นปี หลายปี หรือว่าหลายสิบปี แต่เอาดีไม่ได้เสียที ต้องรู้จักพินิจพิจารณาในตรงนี้ด้วย ว่าตัวเราเองทำแล้วเอาไปถวายกิเลสจนหมดหรือเปล่า ? อย่างเช่นว่านั่งภาวนาครึ่งชั่วโมง แต่ไปเขี่ยไลน์ไปส่องเฟซฯ เสียสองชั่วโมง แล้วจะเหลือกำลังที่ไหนมาสู้กิเลส ? 
 
ดังนั้น..นักปฏิบัติที่หวังความดีจริง ๆ ในระยะแรก พึงปลีกตัวออกจากหมู่ ตัดการสื่อสารจากโลกภายนอกไปได้เลยยิ่งดี ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตน จนกระทั่งกำลังใจมั่นคงแล้ว ค่อยออกมาทดสอบ ชนกับกิเลสข้างนอก ถ้าหากว่าพังก็ปลีกตัวไปปฏิบัติใหม่ แล้วก็ออกมาทดสอบดูใหม่ จนกระทั่งเรามั่นคงพอที่จะไม่พังง่าย ๆ 
 
หลังจากนั้นแล้วกำลังของท่านทั้งหลายก็จะเพียงพอจากด้านของสมถภาวนา ก็ให้ก้าวเข้าไปหาวิปัสสนาภาวนา พยายามพิจารณาให้เห็นว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยงอย่างไร เป็นทุกข์อย่างไร ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราอย่างไร จนกระทั่งเห็นชัดเจน สภาพจิตยอมรับ ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หมดความปรารถนาในร่างกายนี้ 
 
เมื่อหมดความปรารถนาในร่างกายตัวเอง ก็หมดความปรารถนาในร่างกายคนอื่น หมดความปรารถนาที่อยากจะมาเกิดในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อนแห่งนี้ ถ้าอย่างนั้น ท่านก็จะค่อย ๆ ถอนจิตของตนออกมาจากบ่วงกิเลส เข้าถึงมรรคถึงผล มากน้อยตามกำลังที่ตนเองกระทำมา 
 
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ 
 
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน 
วันจันทร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ 
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-05-2023 เมื่อ 04:28
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |