ถ้าท่านทั้งหลายพยายามซักซ้อมในลักษณะแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เราก็จะทรงสมาธิได้นานขึ้น แต่ขอให้ทำแบบคนฉลาด อย่าทำแบบคนโง่ ก็คืออย่าทำอยู่ในอิริยาบถเดียว ไม่ว่าจะกระทำกิจการงานใด ๆ ก็ตาม ให้อยู่กับการภาวนาไปด้วย อยู่กับลมหายใจเข้าออกไปด้วย
ถ้าทำแบบนี้แล้วรู้สึกเบื่อ ก็ให้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น อย่างเช่นว่าถ้าเดินอยู่ในบ้านแล้วรู้สึกเบื่อก็ออกไปเดินนอกบ้าน ถ้าหากว่าเดินแล้วรู้สึกเบื่อ ก็หางานอื่น ๆ ทำเป็นต้น เพียงแต่รักษาคำภาวนาและลมหายใจเข้าออกของเราเอาไว้ ซักซ้อมอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะทรงสมาธิจิตได้ แล้วเราเองก็จะมีความมั่นคงของกำลังใจ มีสติแหลมคม ว่องไว รู้รอบมากขึ้นเรื่อย ๆ สามารถระมัดระวังไม่ให้ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นได้
โดยเฉพาะเมื่อสติแหลมคม ปัญญาก็จะว่องไว ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ก็จะหยุดอยู่แค่นั้น ไม่นำเข้ามาสู่ใจ รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ ก็ไม่สามารถกินใจของเราได้
ในเมื่อกิเลสใหม่เกิดไม่ได้ เราพยายามขัดเกลาไปเรื่อย กิเลสเก่าจะจืดจางเบาบางลงไปทุกที ๆ สภาพจิตยิ่งผ่องใสเท่าไร ปัญญาก็ยิ่งเกิด ย่อมเห็นหนทางว่าทำอย่างไร ถึงจะสามารถชำระกิเลสให้หมดสิ้นไปจากใจของเราได้ ซึ่งก็ไม่มีอะไรเหนือไปกว่าวิปัสสนาญาณ
ถึงเวลานั้นท่านทั้งหลายก็จะมีหลักยึดเป็นของตนเอง ถึงแม้ว่าหกล้มก็จะลุกขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว สามารถประคองกำลังใจในแต่ละวันให้มีดีมากกว่าชั่ว ถึงเวลานั้นแล้ว กำลังจิตของท่านก็จะผ่องใสขึ้นเรื่อย ๆ ปัญญาก็จะเห็นวิธีการต่าง ๆ ที่จะเอาตัวรอดจากกิเลส และหาทางเอาชนะกิเลสจนได้ในที่สุด สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดขึ้น ท่านต้องอดทนอดกลั้น ต่อสู้ฝ่าฟันแบบไม่ท้อถอย จึงจะสามารถประสบความสำเร็จ ดังที่กระผม/อาตมภาพได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2023 เมื่อ 02:18
|