อีกเรื่องหนึ่งก็คือกระผม/อาตมภาพเพิ่งจะได้ออกบิณฑบาตมาแค่สองวัน บวชมาสามสี่สิบพรรษา ปกติแล้วเคยขาดบิณฑบาตไม่ถึงสิบครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการขาดบิณฑบาตที่นานที่สุด เพราะว่าผ่าตัดที่เท้ามาทำให้เดินไม่ถนัด แม้แต่ตอนนี้ พอเดินก็ยังรู้สึกตึง ๆ อยู่ แต่ว่าจำเป็นต้องเดิน เพราะว่าถ้าไม่เดิน พังผืดยึดก็จะทำให้เดินยากขึ้นไปอีก
แต่คราวนี้สิ่งที่ได้คืนมาก็คือระบบการปฏิบัติธรรมของตนเอง เพราะว่าโดยปกติแล้วกระผม/อาตมภาพก็จะภาวนาตั้งแต่เริ่มออกจากกุฏิ จนกว่าที่จะบิณฑบาตจบ ก็จะมีการกำหนดไว้ว่า ในแต่ละช่วง แต่ละตอน จะภาวนาคาถาอะไร ? ภาวนากี่จบ ?
เรื่องพวกนี้ กระผม/อาตมภาพทำมาตั้งแต่สมัยเพิ่งจะบวชที่วัดท่าซุง เพียรพยายามเป็นอย่างยิ่งว่า ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากกุฏิ จนกระทั่งเดินกลับถึงวัด เราจะไม่ให้กำลังใจหลุดไปจากการภาวนา ปรากฏว่าหลุดทุกครั้ง..! จนกระทั่งผ่านไปเป็นพรรษา กำลังของสติสมาธิถึงได้ทรงตัว
วันแรกที่สามารถเดินตั้งแต่ก้าวแรกจนกระทั่งกลับถึงวัดโดยไม่ฟุ้งซ่านไปไหน อยู่กับการภาวนาได้โดยตลอด เป็นวันที่มีความสุขมาก เพราะรู้ว่ากำลังของเราพอที่จะสู้กิเลสได้แล้ว ไม่อย่างนั้นแล้วเวลาเดิน พุทไม่ทันจะโธ ก็ฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่นแล้ว ดังนั้น..ทุกวันนี้จึงเคยชินกับการเดินบิณฑบาตและภาวนาไปด้วย เมื่อไม่ได้บิณฑบาตหลาย ๆ วัน ก็ทำให้ต้องมาเปลี่ยนเป็นภาวนาโดยการนั่งบ้าง นอนบ้าง ซึ่งไม่เหมือนกับการเดิน
การภาวนาเวลาเดิน ถ้ากำลังใจทรงตัวแล้วจะหลุดยากมาก เนื่องเพราะว่าเราทำได้ในตอนที่เคลื่อนไหวอยู่ หลายท่านที่เวลานั่งหรือนอนภาวนาแล้วได้ดี ให้ลองสังเกตดูว่า ทันทีที่เราเปลี่ยนอิริยาบถไปทำอย่างอื่น ก็มักจะหลุดจากการภาวนาไปเลย ดังนั้น..ถ้าจะว่าไปแล้ว การเดินบิณฑบาตสำหรับกระผม/อาตมภาพ ก็คือการเดินจงกรมภาวนานั่นเอง เพียงแต่ว่ามีการทำกิจกรรมอื่น ก็คือบิณฑบาตไปด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2023 เมื่อ 01:16
|