วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพมีหลายเรื่องที่อยากจะพูดถึง เอากันแค่ตามเวลาก็แล้วกัน
เรื่องแรกเลยก็คือ ถ้าท่านทั้งหลายสังเกต จะเห็นว่านาคของเราหายไปหนึ่งคน ซึ่งความจริงแล้วยังไม่ถึงเวลาที่นาคจะเข้าวัด เพียงแต่ว่าทั้งสองคนมีความตั้งใจในการจะบวช แล้วมาเข้าวัดก่อนเวลา ก็ถือว่าเป็นความดีเฉพาะตัว แต่ด้วยความที่ทางวัดของเราต้องมีการสอบทวนกันก่อน ว่าเคยมีการบวชมาจากที่อื่นก่อนหรือไม่ ? แล้วมีติดอาบัติหนักมาจากที่อื่น อย่างเช่นปาราชิกหรือว่าสังฆาทิเสสหรือไม่ ? จึงทำให้ทราบว่า นาครูปหนึ่งของเรา โดนอาบัติปาราชิกจากการบวชครั้งที่แล้ว..! จึงทำให้ไม่สามารถที่จะบวชใหม่ได้
ความจริงสาเหตุก็มีนิดเดียว ก็คือครูบาอาจารย์มอบพระพุทธรูปให้หนึ่งองค์ ให้ไปเลือกเอาเอง ปรากฏว่าองค์ที่ไม่ได้มอบให้ ดูดีกว่า สวยกว่า ท่านก็เลยยกเอาไปโดยที่ไม่ได้บอกครูบาอาจารย์ด้วย ความมักง่ายแค่นี้ทำให้เรากลายเป็นผู้สูญเสียหนทางในการที่จะบรรลุมรรคผลไปทั้งชาติ เพราะว่าเมื่อต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ก็เหมือนกับตาลยอดด้วน เพราะว่ากำลังใจไม่ได้มีความมั่นคงต่อพระรัตนตรัย ทำให้เข้าถึงธรรมไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่พระภิกษุสามเณรของเราต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง
เราจะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรับอาบัติ แม้แต่เราที่ไปจับต้องข้าวเปลือกหรือผลไม้ที่ยังเกิดอยู่กับที่ ก็คือยังติดกับต้น ติดกับรวงอยู่ ก็เพราะเกรงว่าเราจะมีเถยยจิต คิดจะขโมย แค่จับแล้วเลื่อนออกจากที่แค่ ๑/๑๖ ของเส้นผม ถือว่าการกระทำนั้นสำเร็จลง ทำให้ขาดความเป็นพระไปเลย..!
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้บัญญัติเอาไว้ว่า แค่ลูบคลำก็โดนปรับอาบัติแล้ว เพราะว่ากำลังใจของคนเรานั้นเร็วมาก แล้วยิ่งถ้าหากว่ามีอกุศลกรรมหนุนเสริมด้วย ทำให้ขาดสติ แค่เกิดความอยากได้ แล้วหยิบของนั้นเคลื่อนออกจากที่แม้แต่นิดเดียว ก็ขาดความเป็นพระไปเลย ถือว่าเป็นบทเรียนที่เราท่านทั้งหลายสามารถที่จะรู้เห็นได้ด้วยตนเอง และต่อไปก็จะได้ระมัดระวังกัยให้มากยิ่งขึ้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2023 เมื่อ 01:11
|