วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพตรงไปยังวัดราชโอสารามตั้งแต่เช้ามืดเพื่อหนีรถติด เหตุที่ต้องไปก็เพราะว่าไปเยี่ยมพระภิกษุ ซึ่งส่งเข้าอบรมตามโครงการอบรมพระนักเทศน์ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ประจำปี ๒๕๖๖ ซึ่งก็ต้องรอจนกระทั่งได้เวลา ๘ โมงเช้า จึงขึ้นไปกราบพระและถวายความเคารพท่านเจ้าคุณอาจารย์บุญส่ง - พระกิตติวงศ์วิเทศ (บุญส่ง ธมฺมรํสี ป.ธ.๔) ซึ่งเมื่อ ๑๙ ปีก่อนนั้น ท่านก็เป็นเลขานุการโครงการอบรมพระนักเทศน์เช่นเดียวกับวันนี้
เพียงแต่ว่าพระนักเทศน์รุ่นเดียวกับกระผมนั้น บางท่านก็เจริญเติบโตในการปกครองคณะสงฆ์ ถึงขนาดขึ้นเป็นรองเจ้าคณะภาคแล้ว ตัวอย่างก็คือพระมหาชรัช อุชุจาโร ป.ธ.๖ ในสมัยนั้น นั่งโต๊ะเดียวกัน อบรมนักเทศน์พร้อมกับกระผม/อาตมภาพมา ๑๕ วันต่อเนื่องกัน ตอนนั้นท่านเจ้าคุณอาจารย์บุญส่งยังเป็นพระครูโสภิตธรรมรังสี ท่านก็ปรารภว่า ไม่นึกเลยว่ารุ่นของหลวงพ่อจะไปกันได้ไกลขนาดนี้ เพราะว่าปัจจุบันพระมหาชรัช ก็คือท่านเจ้าคุณพระสิริจริยาลังการ,ดร. รองเจ้าคณะภาค ๑๘ เจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร (พระอารามหลวง) จังหวัดปัตตานี ก่อนหน้านั้นท่านก็เป็นเจ้าคณะจังหวัดปัตตานี เป็นต้น
กระผม/อาตมภาพได้ถวายปัจจัยโครงการสนับสนุนโครงการอบรมพระนักเทศน์ในครั้งนี้เป็นจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท และมอบเงินค่ารถให้กับผู้เข้าอบรมนักเทศน์รูปละ ๑,๐๐๐ บาท จะได้มีค่ารถกลับวัด เหตุที่ไปเยี่ยมนั้นก็เพราะว่าอันดับแรกเลย สถาบันนี้ก็เป็นที่เกิดของกระผม/อาตมภาพเช่นกัน ก็คือผ่านการอบรมพระนักเทศน์มาจากวัดราชโอรสาราม ประการที่สองก็คือในฐานะเจ้าคณะปกครอง เมื่อถึงเวลาส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปอบรม หรือว่าไปปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลาก็ควรที่จะไปเยี่ยมยามถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันบ้าง ไม่ใช่ส่งไปแล้วก็ "ตัดหางปล่อยวัด" ไปเลย..!
ตรงนี้ต้องถามพระครูวินัยธรถวิล ถาวรธมฺโม รองเจ้าคณะตำบลปากแพรก เจ้าอาวาสวัดอุดมมงคล (เขาน้อย) ท่านไปอบรมพระอุปัชฌาย์ ไม่ว่าจะเป็นในระดับจังหวัดที่วัดพระแท่นดงรัง วรวิหารก็ดี ในระดับภาคที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐมแห่งที่ ๒ ถนนพุทธมณฑลสาย ๘ ก็ดี ในระดับหนที่วัดประยุรวงศาวาสก็ดี หรือว่าในระดับประเทศที่วัดสามพระยาก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็ไปเยี่ยมยามถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามหน้าที่
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2023 เมื่อ 01:28
|