วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ มีฝนพรำลงมาซ้ำให้ร้อนยิ่งขึ้น ก็คือบ้านเราส่วนใหญ่แล้วอากาศชื้น ทำให้ร่างกายเราระบายความร้อนไม่ออก แล้วก็มักจะกลายเป็นเหงื่อท่วมตัว ถ้าที่ไหนอากาศแห้ง ร่างกายโดนดึงความชื้นไปเร็ว เราก็จะรู้สึกหนาว
แต่คราวนี้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมชาติ อย่างที่ได้บอกกล่าวไปตอนก่อนทำวัตรค่ำรอบแรกว่า ถ้าเราทำใจให้ยอมรับไม่ได้ เราก็จะมีความทุกข์มาก เพราะว่าไปดิ้นรน ต่อต้าน ผลักไส แต่ถ้าเราทำใจยอมรับได้ ก็แก้ไขกันไปตามสถานการณ์
การยอมรับในที่นี้เป็นการยอมรับอย่างบุคคลที่มีปัญญา ก็คือได้แก้ไขทุกวิถีทางแล้ว ไม่สามารถจะแก้ได้เราถึงได้ยอมรับสภาพ ไม่ใช่ว่ายังมีหนทางอยู่แล้วเราไม่ทำอะไรเลย โดยที่บอกว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงอย่างนั้น ถ้าแบบนั้นก็ถือว่าขาดปัญญา เพราะว่าหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกส่วนลงท้ายด้วยปัญญา
ใหญ่ ๆ เลยคือหลักไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา ปัญญาในที่นี้เป็นปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งปัญญาทั้งสองส่วนนี้ความจริงไปด้วยกันได้ เพียงแต่ว่าพวกเรามักจะหาจุดพอเหมาะพอดีไม่พบ ก็เลยทำอยู่ในลักษณะของ "โลกช้ำธรรมเสีย"
อย่างเช่นว่าท่านทั้งหลายเป็นผู้นำองค์กร หรือว่าอยู่ในองค์กรใดองค์กรหนึ่ง เราจะแก้ไขสภาพต่าง ๆ ขององค์กรให้ดีขึ้น เราก็ลงมือแบบไม่ไว้หน้าใคร ถือว่าเราเป็นผู้ยุติธรรม ถ้าในลักษณะแบบนั้น ก็แปลว่าเราขาดปัญญาเป็นอย่างมาก การแก้ไขเหตุการณ์ต่าง ๆ ในองค์กรนั้น เราควรจะทำเฉพาะในขอบเขตความรับผิดชอบของตนเอง สูงกว่านั้นอย่าไปแตะ ข้ามสายงานก็ไม่ยุ่งด้วย ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ถ้าลักษณะอย่างนั้น ถึงจะเรียกว่ามีปัญญา ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะเป็นตัวปัญหาในองค์กรนั้น ๆ เสียเอง
ดังนั้น..พวกเราจะเห็นว่า ไม่ว่าจะทำสิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ก็คือยุติธรรม ความหมายชัดเจนอยู่แล้วว่า ยุติ คือ จบสิ้นลงด้วยหลักธรรม ไม่ใช่ยุติความเป็นธรรม..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2023 เมื่อ 03:16
|