ถ้าพวกเราลองนึกถึงภาพของสุริยจักรวาลของเราที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง ประกอบไปด้วยดาวพุธ ดาวศุกร์ โลกของเรา ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวมฤตยู ดาวเกตุ ตอนหลังดาวพระยมเขาตัดออกไปแล้ว ก็เหลือแต่ดาวดาวอัฏฐเคราะห์ ไม่ถึงกับเป็นดาวนพนพเคราะห์
ถ้าหากว่าเป็นดาวพุธ วงโคจรก็สั้นที่สุด ถ้าหากว่าอย่างโลกของเรานั้น ๓๖๕ หรือ ๓๖๖ วันก็ครบรอบ แต่ถ้าหากว่าเป็นพระเกตุ พระยมก็หลายปี ในเมื่อวาระบุญวาระกรรมของแต่ละคนสั้นยาวไม่เท่ากัน ตามแต่กรรมดีกรรมชั่วที่ทำมา พระพุทธเจ้าจึงสอนไม่ให้พวกเราประมาท แต่พวกเราก็มักจะประมาทอยู่เสมอ เพราะลืมตัวว่าเราจะต้องตาย..!
สำหรับญาติโยมหญิงชายก็ยังพอให้อภัย แต่ว่าพระภิกษุสามเณรที่บวชอยู่กับวัดท่าขนุนเองแท้ ๆ หาคนที่มาทันเจริญกรรมฐานได้ไม่กี่รูป นอกนั้นส่วนใหญ่ก็เสียงตามสายรอบเช้ามืดไปแล้วครึ่งหนึ่งบ้าง ไปจนจบไปแล้วบ้าง หนักกว่านั้นก็คือ บางทีทำวัตรจวนจะเสร็จอยู่แล้ว มาถึงยังไม่ทันจะคุกเข่ากราบพระ พวกก็อุทิศส่วนกุศลแล้ว ถ้าในลักษณะแบบนี้ โอกาสที่จะได้ดี อย่าว่าแต่ชาตินี้เลย อีกหลายชาติก็ยังเอาดีไม่ได้ เพราะว่าไปประมาทในการใช้ชีวิต..!
ถ้าหากว่าวงจรของบุญเป็นระยะช่วงที่ยาวมาก กว่าจะหมุนเวียนวนมาบรรจบอีกทีก็นาน แล้วเรายังสร้างบุญไม่ทัน ไม่มีอะไรมาผ่อนเบาแรงกรรมที่จะเข้ามาสนองได้เลย ชีวิตเราก็จะลำบากแสนสาหัส แล้วก็ไปเที่ยวบ่นว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ? สวดมนต์ ไหว้พระ เจริญกรรมฐานอยู่ทุกวัน อยากจะถามว่าสิ่งที่เราทำสมควรกับสิ่งที่เราจะได้รับหรือไม่ ? สร้างกรรมไว้เหมือนกับภูเขาพระสุเมรุ สร้างบุญไว้เหมือนกับทรายเม็ดหนึ่ง แล้วจะไปค้ำภูเขาพระสุเมรุที่ล้มลงมาทับได้อย่างไร..!?
ดังนั้น..สิ่งที่พวกเราทำ พึงสำนึกสำเหนียกอยู่เสมอว่าชีวิตนี้เป็นของน้อย จะสิ้นลงไปเมื่อไรก็ไม่แน่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าเรายังประมาทอยู่ อาจจะไม่ได้ความดีอะไรติดตัวไปเลย พูดง่าย ๆ ก็คือตายไปแบบเสียชาติเกิด..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-03-2023 เมื่อ 03:08
|