ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 24-02-2023, 00:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,692
ได้ให้อนุโมทนา: 152,019
ได้รับอนุโมทนา 4,417,913 ครั้ง ใน 34,282 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองถ้าไม่ได้อยู่ในฐานะครูบาอาจารย์ จะไม่เสียเวลามาด่าคนอื่น พวกท่านทั้งหลายที่อยู่ในวัด ก็จะเห็นว่าบุคคลบางคนประเภทสอนไม่ได้ หรือสอนไปแล้วไม่จำ ท้ายสุดกระผม/อาตมภาพก็ยกให้ในฐานะปาปมุต ก็คือกูเลิกยุ่งกับมึงไปเลย เพราะว่าสอนไปก็เหนื่อยเปล่า บอกไปก็จะจำแค่ครึ่งวัน หรือไม่ก็สอนไปเท่าไร ก็แค่ฉลาดแต่ไม่มีเฉลียว ประมาณว่านาคสองคนดูแลพระแค่สิบกว่ารูป หัวถึงท้ายไม่เคยดูแลได้ทั่ว กระผม/อาตมภาพก็เลิกพูดไปนานแล้ว ยังดีที่กระผม/อาตมภาพใช้คำว่า "เป็นปลาอย่าได้แนะนำเต่าให้อยู่บนบกอย่างไร" ถ้าไม่เกรงใจจะบอกว่า "เป็นควายแล้วอย่าไปแนะนำนกว่าควรที่จะบินอย่างไร..!"

เพราะฉะนั้น..สิ่งหนึ่งประการใดที่กระผม/อาตมภาพบอกกล่าวแก่พวกเราไปนั้น เจตนาจริง ๆ ที่มุ่งหวังก็คือให้พวกเรา "ทำได้" ไม่ใช่ "จำได้" การจำได้เป็นแค่สัญญาเท่านั้น แล้วจะก่อให้เกิดกิเลสอีกต่างหากว่าเราเป็นคนรู้มาก แต่ถ้าเราทำได้นี่จะเป็นปัญญา ก่อให้เกิดประโยชน์แก่พวกเรามาก แล้วเราจะได้รู้ว่า ก้าวต่อไปเราควรจะไปต่อในด้านไหน ไม่ใช่กี่ปี ๆ ก็ย่ำเท้าอยู่กับที่ แล้วมีแต่ถอยหลัง ไม่มีขึ้นหน้า..!

ดังนั้น..ระยะเวลาที่ผ่านมา ควรจะเป็นช่วงที่พวกเราทบทวนตัวเองและกอบโกยความดีใส่ตัวให้มากที่สุด ไม่ใช่แหงนคอรอคอยว่าเมื่อไรหลวงพ่อจะบันทึกเสียงธรรมให้ฟังอีก ไอ้ลักษณะทำตัวเป็นลูกนกไม่รู้จักโต อ้าปากรอแต่แม่ป้อน ก็อาจจะตายเปล่าไปอีกหลายชาติ..!

เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าสภาพจิตของพวกเรายังหยาบอยู่ ก็จะคิดไม่ถึง มองไม่เห็น แล้วหลายคนสภาพจิตที่หยาบกระด้าง ทำให้คำสั่งสอนของครูบาอาจารย์เข้าไม่ถึงใจอีกต่างหาก เกิดอาการต่อต้าน ประมาณว่าเรื่องนี้กูรู้แล้ว แต่ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ไอ้รู้แล้วกับทำได้นั้นเป็นคนละเรื่องกัน..!

รู้แล้วเป็นแค่ปริยัติ ก็คือการศึกษา เมื่อศึกษาแล้วต้องปฏิบัติให้เกิดผล ถึงได้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่สมควรแก่ธรรม ภาษาบาลีว่าธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ก็แปลว่าสิ่งที่เราคิด คำที่เราพูด กายที่เราทำ จะต้องเป็นไปในลักษณะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ยถาวาที ตถาการี พูดอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น ยถาการี ตถาวาที ทำอย่างไรก็พูดอย่างนั้น เป็นคนไม่มีกำมือ ก็คือไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ถ้าหากว่าเป็นหลักธรรมาภิบาลก็คือโปร่งใสและตรวจสอบได้

ให้พวกเราเอาไปพินิจพิจารณาว่าสิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดมานั้นใช่หรือไม่ใช่ ? ถ้าหากว่าใช่แล้วควรที่จะปฏิบัติตามหรือไม่ ? ไม่ใช่คิดแต่จะรอฟังว่าวันนี้หลวงพ่อจะพูดเรื่องอะไร จะเล่าเรื่องอะไร แล้วไม่เคยที่จะนำไปขบคิดให้เป็นหลักธรรมที่เกิดประโยชน์แก่ตนเองเลย

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-02-2023 เมื่อ 03:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา