พระพุทธเจ้าทรงสอนเพื่อประโยชน์ทั้งสามสถานนี้ เป็นประโยชน์ของเราล้วน ๆ ไม่มีประโยชน์ของพระองค์ท่านเลย พระองค์ท่านไม่ได้บอกว่าเราต้องไปเคารพ ไปกราบ ไปไหว้พระองค์ท่าน แต่ถ้าปฏิบัติตามหลักธรรมของพระองค์ท่านเมื่อไร เราจะได้ประโยชน์ทันที เมื่อได้ประโยชน์จากหลักธรรมแล้ว จะเกิดความเคารพ จะเกิดความเลื่อมใส ไปกราบไปไหว้ ไปบูชา นั่นเป็นเรื่องภายหลังของเรา
ดังนั้น..ในเรื่องการปฏิบัตินั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวเราเองจริง ๆ เรารู้จักให้ทานแบ่งปันคนอื่น คนเขาก็รักเรา เรารู้จักรักษาศีล ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่โกหก ไม่ดื่มสุราเมรัย ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดก็คือเรา เรารู้จักภาวนา เกิดประโยชน์ในปัจจุบัน เกิดประโยชน์ในอนาคต เกิดประโยชน์สูงสุด ผู้ที่ได้รับก่อนใครก็คือเรา
ดังนั้น..เราทำ เราได้ล้วน ๆ มีโอกาสให้เร่งทำไว้ จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยส่งผลต่อไปข้างหน้า โดยเฉพาะทานเราทำหนึ่ง อานิสงส์เท่ากับร้อย ศีลเราทำหนึ่งอานิสงส์เท่ากับหมื่น ภาวนาเราทำหนึ่งได้ล้าน เพราะว่าทานเราให้แต่กาย ศีลเราควบคุมทั้งกายทั้งวาจา แต่ภาวนาได้ควบคุมกาย วาจา ใจพร้อมเลย อานิสงส์คูณร้อยขึ้นไป ในส่วนของศีลและภาวนาเราไม่เสียสตางค์อะไรเลย ทำได้ทุกเวลา และเรามีโอกาสเราก็มาให้ทาน เพื่อเสริมอานิสงส์ด้านนี้ของเรา ประโยชน์ทั้งหมดก็จะเกิดขึ้นกับเราอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์
ถ้าหากไปวัดสระเกศฯ จะเห็นหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านให้ติดป้ายไว้ว่า ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ เรื่องของบุญเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะว่าบุญส่งผลให้เฉพาะด้านดีด้านเดียวเท่านั้น เราค่อย ๆ สั่งสมบุญไป แล้วประโยชน์สุขในปัจจุบันก็ได้ ประโยชน์สุขในอนาคตก็ได้ และท้ายสุด ส่งให้เกิดประโยชน์สุขสูงสุด คือหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
ให้ตัดสินใจเอาเองว่า ต่อไปนี้เราควรจะทำให้เต็มที่หรือไม่ ? สำหรับพระอย่างไรก็ต้องทำอยู่แล้ว ส่วนของพวกเรานี่เลือกได้ ในเมื่อเห็นประโยชน์ก็ทำไป พระพุทธเจ้าสอนมา ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เพื่อพวกเราล้วน ๆ ไม่ได้เพื่อพระองค์ท่านเลย
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2014 เมื่อ 01:52
|