พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน นามรูปเดิมนี้หรือจักกลับมาเกิดอีก
พระนาคเสนทูลตอบว่า มิใช่นามรูปนี้ หากเป็นนามรูปอีกอันหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเพราะบุญบาป กุศล อกุศลที่นามรูปนี้ได้กระทำไว้
ม.ถ้ามิใช่นามรูปนี้ไปเกิดแล้ว ก็เป็นอันว่าหนีบาปกรรมที่ทำไว้ในชาตินี้พ้นสิพระคุณเจ้า
น.ถ้าไม่บังเกิดต่อไปอีก ก็เป็นอันหนีพ้น แต่ถ้ายังต้องมาเกิดอีก ก็หนีไม่พ้น
ม.พระคุณเจ้าจงเปรียบให้ฟัง
น.เหมือนคนก่อไฟผิงในฤดูหนาว แล้วลืมดับไฟ ไฟนั้นก็ลุกลามไปไหม้ไร่นาของผู้อื่น
เมื่อคดีถึงโรงศาล จำเลยแก้ตัวว่า ไฟที่เขาก่อขึ้นเป็นคนละกองกับที่ลามไปไหม้ไร่นาของโจทก์
ขอถวายพระพร เมื่อจำเลยแก้ตัวต่อศาลเช่นนี้ ศาลจะระงับไม่ลงโทษจำเลยหรือไม่
ม.จะให้งดได้อย่างไรเล่า เพราะไฟที่จำเลยก่อไว้นั้นเป็นต้นไฟ ตนเลินเล่อปล่อยไว้จึงลุกลามต่อไป ศาลจึงควรตัดสินลงโทษจำเลยได้
น.ฉันใดก็ฉันนั้น แม้นามรูปนี้จะแปรไปเป็นนามรูปอื่น บาปกรรมก็ตามลงโทษนามรูปหน้าเช่นกัน
ทั้งนี้ เพราะนามรูปนี้กระทำบาปบุญซึ่งเป็นเหตุให้มีนามรูปอื่นขึ้นแทน นามรูปอื่นจึงหนีบาปกรรมไม่พ้น
ม.นามรูปนี้ และนามรูปอื่น เชื่อมโยงกันได้อย่างไร พระคุณเจ้าจงหาตัวอย่างมาเปรียบเทียบ
น.เหมือนเมล็ดต้นไม้ แรกปลูกไม่มีดอก ต่อมามีลำต้น เกิดมีใบ มีดอก ในที่สุดใบดอกก็ร่วงหล่นไป
เกิดใบดอกใหม่ขึ้นแทน นามรูปก็เช่นเดียวกับใบไม้ดอกไม้ เดิมไม่ปรากฏ แต่เพราะมีบุญบาป ซึ่งตนกระทำไว้ก่อนเป็นเหตุอยู่
จึงทำให้เกิดลำต้น ซึ่งแตกใบผลิดอกออกมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
ฉันใดก็ฉันนั้น นามรูปนี้และนามรูปอื่นก็เชื่อมต่อกันได้ผ่านลำต้น คือบุญบาป ฉะนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 07-04-2009 เมื่อ 23:44
|