พระพุทธเจ้าทรงสอนเพื่อประโยชน์ของเรา
ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น มีทั้ง ทาน ศีล ภาวนา พวกเราส่วนใหญ่ถนัดในเรื่องทาน พอบอกว่าต้องรักษาศีล..หลายคนก็หนักใจ โดยเฉพาะเรื่องคำพูด..บอกว่ารักษายาก พอไปเรื่องภาวนา..บางคนนี่ไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อนเลย ก็ยิ่งรู้สึกว่ายากเข้าไปใหญ่
คราวนี้เรามาดูว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนเรา เพื่อประโยชน์เราเองทั้งนั้น การให้ทาน..พระองค์ท่านตั้งใจให้พวกเรารู้จักตัดความโลภ ซึ่งเป็นกิเลสใหญ่อย่างหนึ่งในสามอย่าง ให้ทาน..ให้ด้วยกาย ขวนขวายหาทรัพย์สินมาได้ก็สละออกไป
ในการรักษาศีล..ถ้าเราควบคุมกาย วาจาของเราให้อยู่ในกรอบ ไม่ล่วงละเมิดศีล ถามว่าเราอยากให้คนอื่นฆ่าเราหรือเปล่า ? ในเมื่อเราไม่อยาก..เราก็ไม่ควรจะฆ่าใคร นี่เป็นสามัญสำนึกปกติธรรมดา เราอยากให้คนมาลักขโมยข้าวของของเราหรือเปล่า ? ถ้าเราไม่อยาก..เราก็ไม่ควรไปลักขโมยของใคร เรามีคนรักอยู่ อยากให้คนอื่นมาแย่งเราไหม ? ถ้าเราไม่อยาก..ถึงเวลาเราก็อย่าไปแย่งคนรักของเขา เราอยากฟังแต่ความจริง..เราก็ไม่ควรไปพูดจาโกหกใคร อยากมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์..ก็ไม่ควรที่จะไปดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด เป็นต้น
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราทำ..ตัวเราได้ประโยชน์เอง ทานทำด้วยกาย ตัดความโลภ ศีลทำด้วยกายและวาจา ควบคุมกายและวาจาให้เรียบร้อย ตัดความโกรธ โดยเฉพาะที่โกรธถึงขนาดฆ่าเขา ท้ายสุดภาวนา ต้องทำทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจเลย เพราะว่าใจต้องสั่ง ในเมื่อสมาธิตั้งมั่น ก็ควบคุมกายวาจาให้นิ่งได้ เกิดสมาธิไปสนับสนุนปัญญา ให้รู้แจ้งเห็นจริง เป็นการตัดความหลง โดยเฉพาะการหลงผิดเป็นมิจฉาทิฐิ
คราวนี้มาถกกันถึงอานิสงส์ คือ ผลได้จากการปฏิบัติ ประโยชน์ที่จะพึงได้ ท่านบอกว่าเอาไว้ว่า ในเรื่องของทาน ถ้าเกิดใหม่จะรวยมาก ในเรื่องของศีลเกิดใหม่จะมีหน้าตาสวยงาม มีจิตใจดี ในเรื่องของการภาวนา เกิดใหม่จะมีปัญญาฉลาดมาก
เราก็มาดูว่า ถ้าเราทำทานอย่างเดียว เกิดมารวย แต่หน้าตาไม่ดี แถมยังไม่มีปัญญาอีก อาจจะรักษาทรัพย์ไว้ไม่ได้ ในเรื่องของศีล ถ้าเราทำอย่างเดียว เกิดมาหน้าตาดี จิตใจดี แต่สตางค์ไม่มี แถมยังขาดปัญญา ไม่รู้จะหาทรัพย์อย่างไร ก็แย่แน่ ๆ ในเรื่องของการภาวนา ถ้าหากเรามีปัญญาอย่างเดียว เราอาจจะหาทรัพย์ได้ แต่เราไม่สามารถที่จะแก้ไขหน้าตาของเราให้ดีได้
ก็แปลว่า ถ้าเราทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนอื่นก็จะบกพร่อง เพราะฉะนั้น..เรื่องของทาน ศีล ภาวนา ถ้ามีโอกาสเราควรทำให้ครบทั้งสามประการ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2014 เมื่อ 01:49
|