ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 29-01-2023, 01:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,014
ได้รับอนุโมทนา 4,416,748 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าใครอ่านพระไตรปิฎกก็จะเห็นอย่างเช่นว่า "พระเถระเดินออกจากป่าไปสู่โคจรคาม มีมืออันถือบาตรและจีวร" ไม่ได้ห่มนะครับ "เมื่อถึงโคจรคามหรือเมืองมนุษย์แล้ว จึงได้ห่มคลุม ซ่อนบาตรไว้ใต้จีวร ออกเดินบิณฑบาตเพื่อภิกษาหาร" ทราบไหมครับว่าทำไมถึงไม่ได้ห่มจีวรในป่า ? เพราะว่าหนามมีทุกมุมเลยครับ ถ้าไปห่มจีวรมีหวังโดนหนามเกี่ยวจีวรขาดบรรลัยหมด..! เพราะฉะนั้น ๓ ท่านนั้น กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านจะอยู่ป่าได้กี่วัน ? น่าจะเข้าป่าลึกไม่ได้อีกด้วย แต่ที่กระผม/อาตมภาพไป แทบจะไม่มีของติดตัวเลย นั่นอยู่กันเป็นเดือน..!

เรื่องของการธุดงค์เป็นเรื่องของประสบการณ์ ถ้าหากว่าเราเคยชินกับการเดินภาวนา อย่างที่กระผม/อาตมภาพเดิน ก็เดินวันหนึ่งประมาณ ๔๐ กิโลเมตร แต่ถ้าท่านที่ไม่เคยชินก็จะไปหาที่ที่ตนเองชอบใจแล้วก็หยุดภาวนาที่นั่น เพียงแต่ว่าอย่าพักนาน อยู่ที่ไหนถ้าพักนาน เมื่อสภาพจิตเคยชิน ความระมัดระวังจะลดลง สติปัญญาจะไม่แหลมคมเหมือนเดิมแล้ว ต้องย้ายที่ต่อไป ถ้าไปไหนแล้วนอนไม่หลับ นั่นใช้ได้เลย แสดงว่าที่ใหม่ สติต้องระมัดระวังไว้ว่าจะมีอันตรายหรือไม่ ระแวงก็เลยไม่ได้นอน

สิ่งที่นักปฏิบัติเราต้องการก็คือให้ถึงความเป็นผู้ตื่น ก็คือปฏิบัติไปแล้ว หลับหรือตื่นจะต้องรู้สึกเท่ากัน ไม่อย่างนั้นแล้ว กิเลสจะกินเราได้ในตอนหลับ เพราะว่าตอนตื่นเราระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา

การที่เราออกธุดงค์ เจอสัตว์ร้ายบ้าง เจอผี เจอเทวดาทดสอบบ้าง แล้วท้ายสุดเราก็จะรู้ว่า ไม่มีอะไรเหนือกว่าคุณพระรัตนตรัย ความเคารพในพระรัตนตรัยจะค่อย ๆ มั่นคงในหัวใจของเรา ถ้าหากว่าเคารพด้วยความมั่นคง ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ ความเป็นพระโสดาบันส่วนหนึ่งก็เริ่มปรากฏขึ้นในใจของเราแล้ว ก็แค่ไปควบคุมศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ถ้าหากว่าตายแล้วเราขอพระนิพพานเป็นที่ไปแห่งเดียว

ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า เป้าหมายจริง ๆ ในการธุดงค์กันแทบล้มประดาตายนั้นไม่ได้มีอะไรเลย นอกจากขัดเกลาตนเองจนกระทั่งมั่นใจในคุณพระรัตนตรัยเท่านั้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2023 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา