ระหว่างที่รถขึ้นเนินเป็นจังหวะที่รถไหลกลับ อาตมภาพก็เอาก้อนหินรองล้อ ปรากฏว่ารองไม่อยู่ รถไหลทับผ่านมือไป ยกมือขึ้นมานี่ ๕ นิ้วเต้นเองเลยนะ..! เจ็บ..เจ็บจนเนื้อเต้นเอง..! เพราะรถทั้งคันทับผ่านไป แต่ก็นั่นแหละ กระผม/อาตมภาพเอารถออกมาจนได้
ญาติโยมเขาถึงได้ยอมรับว่า อาตมภาพนั้นบ้ากว่าเขาหลายเท่า ขนาดเจ้าของรถบอกว่าทิ้งแล้ว เดี๋ยวเอาไว้หน้าแล้งค่อยหารถมาลากออก แต่อาตมภาพคิดว่า "มากับกู ถ้ามึงต้องทิ้งรถนี่เสียชื่อกูด้วย กูต้องเอาออกไปให้ได้"
คราวนี้ในยุคนั้นรถซุงวิ่งไปที่เนินช้างร้อง ไม่ทราบเหมือนกันว่านานเท่าไรกว่าที่จะผ่านเนินได้ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเข้าไปกราบหลวงพ่ออุตตะมะ ไหว้พระ ไหว้สถานที่สำคัญ ซื้อของที่ระลึกเสร็จแล้ววิ่งย้อนกลับมา แซงรถซุงที่กลางเนิน ตอนนี้ถนนดีมากแล้ว แต่เพราะว่าดีมากรถจึงประเดประดังไปกันจนกระทั่งไม่มีน้ำมันเหลือ แล้วทางด้านเจ้าหน้าที่ก็กำลังหาวิธี ทำอย่างไรที่จะห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นสะพานไปทีละสองสามพันคนแบบนั้น เพราะว่าถ้าพังโครมลงไปก็คงได้อาบน้ำหน้าหนาวกันโดยไม่เจตนา..!
ในเมื่อรถขึ้นไปมากขนาดนั้น ลงก็ต้องมากพอ ๆ กัน แล้วพวกที่เริ่มคิดถึงทองผาภูมิ คิดถึงสังขละบุรี กำลังขึ้นมาอีกเท่าไรก็ไม่รู้ ? รู้อยู่อย่างเดียวว่าแซงยากเป็นที่สุด เพราะส่วนใหญ่ก็จะเกาะตูดตามกันยาวหลายกิโลเมตร โดยเฉพาะ "พวกขับรถได้" ไม่ใช่ "ขับรถเป็น" กูวิ่ง ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่วิ่งแช่ขวาตลอด มึงเก่งก็แซงซ้ายไปก็แล้วกัน..! ไม่รู้เหมือนกันว่าใครสอนมา บางคันก็วิ่งเอาล้อข้างหนึ่งเหยียบเส้นกลางถนนไว้ ใครสอนก็ไม่รู้ ถ้าวิ่งลักษณะนั้นเท่ากับไปกินเลนคันอื่น
ที่แย่ไปกว่านั้นอีก กระผม/อาตมภาพเคยได้รับคำถามจากญาติโยมที่เพิ่งหัดขับรถ บอกว่า "เขาสอนว่าให้วิ่งเอาหน้ารถอยู่ตรงเส้นขาวพอดีใช่ไหม ?" อาตมภาพได้ยินแล้วอยากจะตบปากไอ้คนสอนสัก ๗ - ๘ ที..! วิ่งเอาเส้นขาวอยู่ตรงหน้ารถ ก็แปลว่ามึงวิ่งกลางถนน กินไป ๒ เลน ซ้ายขวาไม่ต้องไปไหนเลย แล้วก็มีไอ้บ้าที่สอนประเภทนั้นจริง ๆ นะ แล้วบ้านเราก็มักจะอะลุ้มอล่วย ไม่ค่อยที่จะลงโทษกันหนัก ๆ ก็เลยไม่ค่อยที่จะเข็ดหลาบกัน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2023 เมื่อ 03:24
|