โดยเฉพาะมีอำเภอหนึ่ง งานที่ส่งเป็นศูนย์มาตลอด หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดก็เลยจี้ลงไปที่รองเจ้าคณะอำเภอซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ว่า "เดือนหน้าต้องมีงานส่ง" เพราะว่าถ้าเรายอมเหนื่อย วิ่งถึงทุกที่ หรือว่าเลขานุการมีความสามารถ ยอมเหนื่อย วิ่งไปทวงงาน งานต่าง ๆ ก็จะครบถ้วนสมบูรณ์
งานของคณะสงฆ์ต้องการคนเสียสละ โดยเฉพาะงานทุกอย่าง แทบจะไม่ได้พึ่งพาอาศัยงบประมาณของทางราชการเลย ล้วนแล้วแต่เป็น "งบหลวง..พ่อ" ทั้งนั้น นอกจากพึ่งพาความเสียสละแล้ว ยังต้องการความอดทนอดกลั้นในการทำงานเป็นอย่างสูง เพราะว่าเหมือนกับการ "ปิดทองหลังพระ" ทำไปเป็นร้อยครั้งจะมีคนเห็นสักครั้งก็ยาก แต่ถ้าทำผิดครั้งเดียว โดยคนถล่มจมดินทันที..!
ดังนั้น..ในวันนี้ที่ไปบรรยายถวายความรู้ให้กับครูพระสอนศีลธรรมในช่วงเช้า ความจริงอยากจะพูดสั้น ๆ แค่ว่า "ครูพระทุกรูปทำให้เหมือนผมก็จบแล้ว" แต่อธิบายแค่นั้นไม่ได้ เพราะว่าบางคนปัญญาไม่ถึง เดี๋ยวก็ไปทำขาดทำเกินอีก..!
กระผม/อาตมภาพจึงต้องค่อย ๆ มาขยายความว่า ในการเป็นครูพระ เราทำอย่างไรที่จะสร้างศรัทธาให้เกิด โดยเฉพาะอันดับแรกเลยก็คือ เจ้าของสถานที่ ผู้อำนวยการแต่ละโรงเรียน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่เราจะได้เข้าไปทำหน้าที่หรือไม่ได้ทำ
ประการที่ ๒ ก็คือ สำหรับบรรดาเด็ก ๆ ทำอย่างไรที่จะให้สิ่งที่เราสอน ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อสำหรับคนยุคใหม่ แต่ถ้าหากว่าเฮฮาบ้าจี้มากเกินไปอย่าง "หลวงพี่โดเรมอน" คนทั่วไปก็รับไม่ไหวเหมือนกัน เพราะฉะนั้น..ในส่วนของความพอเหมาะพอดีจึงเป็นเรื่องที่ยากที่สุด เพราะว่ามัชฌิมาปฏิปทาไม่ได้มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ แต่อาศัยกาลเทศะเป็นส่วนใหญ่
การเป็นครูพระสอนศีลธรรมจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก เหตุที่ยากเพราะว่า อันดับแรกเลยก็คือ ตนเองก็ยังแบกกิเลสท่วมหัวอยู่ ไม่สามารถที่จะบอกกล่าวคนอื่นได้เต็มปากเต็มคำ นอกจากอาศัยสอนคนอื่นไปด้วย ขัดเกลาตัวเองไปด้วย แล้วโอกาสที่จะผิดพลาดจนกระทั่งเสียหายก็มีอยู่มาก กว่าที่จะสร้างศรัทธาให้ญาติโยม ตลอดจนกระทั่งผู้บังคับบัญชาหรือว่าเด็กนักเรียนยอมรับนับถือ ก็อาจจะเสียเวลาไปเนิ่นนาน
หลังจากนั้นเราก็จะอาจจะเกษียณ แล้วคนรุ่นใหม่มา ก็จะพบกับเหตุการณ์แบบนี้อีก เป็นเรื่องที่ "หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก" ก็ได้แต่ช่วยกันลากถูลู่ถูกังไป แต่ละปีจึงต้องปฐมนิเทศอบรมกันไป พูดแต่เรื่องซ้ำ ๆ ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง ก็เอาเฉพาะว่า ในส่วนที่เป็นหน้าที่ของเรา ทำให้เต็มที่ก็แล้วกัน
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-12-2022 เมื่อ 03:21
|