กระผม/อาตมภาพเองต้องวิ่งไปโรงเรียนบ้านอูล่อง เพื่อร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกแก่คณะกรรมการ ซึ่งเดินทางมาเพื่อตรวจสอบครูผู้ได้รับเสนอชื่อเข้ารับรางวัล "เจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์" ครูที่ได้รับการเสนอชื่อก็คือครูตูน (นางวารุณี พรมฝ้าย) ซึ่งเป็นครูนาฏศิลป์ สอนเด็กจนกระทั่งได้รับรางวัลมามากมาย
ต้องบอกว่าครูตูนสอนเด็กด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู มีผู้เสนอให้ย้ายเพราะครูตูนเป็นครูที่มีฝีมือ สอนเด็กจนได้รับรางวัลเหรียญทองในระดับประเทศ จากโรงเรียนบ้านอูล่องที่ไม่มีใครรู้จักมักจี่เลย ปัจจุบันนี้รู้จักกันทั่วประเทศว่า เด็กโรงเรียนนี้มีความสามารถทางด้านนาฏศิลป์และการละคร แต่ครูตูนไม่ไป..ที่เจริญกว่าไม่เอา
ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพก็แบบเดียวกัน ก็คือถ้ามีที่ให้เลือกระหว่างลำบากกับสบาย กระผม/อาตมภาพจะเลือกด้านที่ลำบากก่อนเสมอ เพราะว่าจะได้ท้าทายความสามารถของตนเองว่าเราแก้ไขปัญหานั้น ๆ ได้สำเร็จหรือไม่ ?
ถ้าหากว่าเลือกหาแต่ด้านที่สบาย เราเองจะไปไม่รอด เพราะว่าสิ่งหนึ่งประการใดที่เราทำซ้ำ ๆ กัน ถึงเวลาก็จะกลายเป็นนิสัยเฉพาะตัว คนติดสบาย ลำบากไม่เป็น โดนจับโยนเข้าป่าเมื่อไรก็ตายหมด..! แต่ถ้าหากว่าเราลำบากเป็น ทุกอย่างก็จะสบายหมด เพราะว่าไอ้ที่ลำบากกว่าส่วนที่ผ่านมานั้นไม่มีอีกแล้ว โบราณถึงได้บอกว่า "ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ" แต่ส่วนใหญ่เขาไปดัดแปลงว่า "ลำบากก่อนแล้วก็ตายเมื่อปลายมือ..!"
เมื่อออกจากโรงเรียนบ้านอูล่อง กระผม/อาตมภาพก็ตรงไปวัดเขาแหลม หมู่ที่ ๓ บ้านสมเด็จเจริญ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรีนี่แหละ แต่ห่างจากวัดท่าขนุน ๒๐๐ กว่ากิโลเมตร วิ่งไปกลับก็เกือบ ๆ ๕๐๐ กิโลเมตร เพื่อไปร่วมถวายน้ำสรงศพหลวงพ่อพระครูสุชาตคีรีเขต (สรสิทธิ์ สุจิตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาแหลม อดีตเจ้าคณะตำบลสมเด็จเจริญ ซึ่งมรณภาพด้วยอายุ ๗๖ ปี
คนส่วนใหญ่ถ้าหากว่ากำลังใจไม่พอ ระยะทางไกลขนาดนี้ไม่มีใครเขาไปกันหรอก เพราะว่าสำหรับบางท่านแล้วก็คือ เอาสบาย เอาเฉพาะกิจนิมนต์ที่ได้เงิน ประเภทไปแล้วเสียเงินทีละมาก ๆ อย่างกระผม/อาตมภาพนั้นเขาไม่ทำกัน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2022 เมื่อ 03:25
|