หลวงปู่คำดี (๑)
			 
			 
			
		
		
		
			
			เว้นว่างจากการนำเรื่องมาลงไว้ที่กระทู้นี้มานาน 
พวกเราสมาชิกที่นี่ก็คงจะรื่นเริงอยู่กับบุญมหากุศลต่าง ๆ 
วันนี้จึงพยายามนำเรื่อง รวมมิตร...ว่าด้วยเรื่องของบุญ 
ที่น้องเขาส่งมาให้เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๐ 
มาลงให้เข้ากับบรรยากาศ 
แต่ขนาดแฟ้มทั้ง ๓ ไม่เป็นใจและรูปข้อความก็ต้องใช้เวลา 
จึงนำเรื่องคำสอนของหลวงปู่คำดีนี้ลงแทน 
เป็นเรื่องที่เธอส่งมาเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกัน 
 
ธรรมโอวาท 
 
ท่านมักจะอบรมลูกศิษย์ของท่านอยู่เสมอ ๆ ว่า 
"เรามีตาเท่ากับว่าไม่มีตา มีหูเท่ากับว่าไม่มีหู มีท้องก็ฉันอยู่ได้ไปวัน ๆ เท่านั้น 
ไม่ต้องแสดงความโลภและตะกละ" 
ให้พากันสำเหนียกไว้เรื่องของความโลภ ความโกรธ ความหลง จะต้องมีด้วยกันทุกคน 
ถ้าพูดถึงความโลภ เมื่อมันมีเจตนาบันดาลเกิดขึ้นมาแล้ว มันจะมืด ไม่รู้จักบาปบุญ ไม่กลัวคุกกลัวตะราง 
อันนี้เรียกว่าฤทธิ์ของมัน ท่านจงให้ระวังดี ๆ ในเรื่องของสามประการนี้ท่านสอนว่า 
อย่าไปปรุงแต่งตามมัน ให้มีสติรู้เท่าทันมัน 
เมื่อเราปฏิบัติได้อย่างนี้แล้วความโลภ ความโกรธ ความหลง เหล่านี้ก็จะเสื่อมอำนาจไป 
ตัวอย่างเช่น เมื่อเราประสงค์จะเอาสิ่งใด เราจะต้องพิจารณาเหตุเสียก่อน 
เมื่อพิจารณาดูแล้วว่ามันไม่ผิดศีลธรรม เราก็สามารถเอาได้ 
แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วว่ามันผิดศีลผิดธรรม เราก็ละเสียไม่เอา 
นี่แสดงว่าเราไม่ปรุงแต่งตามมัน 
ในความอยากได้หรือความโลภ และเราก็มีสติรู้เท่ามัน คือมีการพิจารณาในเหตุในผลเสียก่อน 
ถ้าเราประพฤติได้ในลักษณะนั้น เราก็จะได้ชื่อว่าเป็นคนดี กระทำแต่ในสิ่งที่ดี มีแต่บุญกุศล 
ถ้าพูดสั้น ๆ ก็หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีผลเท่านั้น 
คือถ้าเราทำเหตุดีก็จะได้รับผลดี แต่ถ้าเราทำเหตุชั่ว เราก็จะได้รับผลชั่ว
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน 
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... 
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน 
อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ 
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑
			 
		
		
		
		
		
	
	 |