ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 14-11-2022, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,182 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้ไปทำหน้าที่อำนวยการที่สนามสอบนักธรรมชั้นโท-ชั้นเอก (สนามหลวง) ของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ณ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) ตำบลบ้านใต้ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นการสอบวันสุดท้าย

โดยธรรมเนียมแล้วก็จะมีการเจริญจิตภาวนา เพื่อถวายกุศลแด่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งว่ากันไปแล้วก็คือ ผู้มีพระดำริในการสร้างตำรานักธรรมขึ้นมาตั้งแต่ร้อยกว่าปีที่แล้ว ให้พวกเราได้ศึกษาเล่าเรียนกันมาจนถึงทุกวันนี้ โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรใด ๆ เลย..!

หลังจากทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้เดินทางกลับมายังวัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขาม เข้าที่พักแล้วก็หมดสภาพ ตั้งใจว่าจะหลับตาพักผ่อนเล็กน้อย ปรากฏว่าวูบหายไปจากโลก..! มารู้ตัวอีกทีก็เลยเวลาบันทึกเสียงไปไม่น้อยเลยทีเดียว ต้องบอกว่าในลักษณะอย่างนี้ก็คือมโนสัญเจตนา ความมุ่งมั่นของใจนั้นหมดลง เพราะเห็นว่างานนั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้ว

ถ้าหากว่าญาติโยมทั้งหลายที่ศึกษาพระพุทธศาสนามามาก ก็จะทราบว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น ทรงกล่าวถึงอาหารของสรรพสัตว์ทั้งหลายเอาไว้ ประกอบไปด้วย

ข้อที่หนึ่ง กวฬิงการาหาร ก็คืออาหารทั่ว ๆ ไป อย่างเช่นว่า ข้าว กับข้าว น้ำ ขนม อย่างนี้เป็นต้น

ข้อที่สอง ผัสสาหาร อาหารคือลมหายใจเข้าออก

ข้อที่สามคือวิญญาณาหาร อาหารที่เป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ซึ่งเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นเครื่องช่วยชูใจของเรา หรือว่าค้ำจุนจิตใจของเราให้อยู่ได้ ถ้าขาดวิญญาณาหาร คือสัมผัสต่าง ๆ นี้ลงไปเมื่อไร เราจะเห็นว่าบางทีนักโทษเด็ดขาดที่โดนขังเดี่ยว ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน เฉาตายไปเลย เพราะว่าขาดอาหารชนิดนี้

อาหารชนิดสุดท้ายคือมโนสัญเจตนาหาร อาหารคือความมุ่งมั่นของใจ ตราบใดที่กำลังใจยังมุ่งมั่นผูกอยู่กับภาระงานต่าง ๆ ก็จะทำให้เรายังคงสามารถที่จะอยู่ได้ ถ้าหากว่าภาระตรงนี้หมดลงไปเมื่อไร บางคนก็ถึงกับสิ้นชีวิตไปเลยเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2022 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา