| 
				  
 
			
			พระอาจารย์ยังต่ออีกว่า  "ขนาดพระพุทธศาสนาของเรา เตรียมการร้อยกรองพระธรรมวินัยเอาไว้  และได้ทำอย่างทันท่วงที  ก็คือหลังพุทธปรินิพพาน  ๓  เดือน  ถามว่าทำไมต้องหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานสามเดือน ?  ก็เพราะต้องเตรียมการต่าง ๆ  โดยเฉพาะในเรื่องของความขัดแย้ง  มั่นใจว่ามีคนคัดค้านแน่  
 เพราะว่าพวกที่เห็นว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วเป็นการดี   จะได้ไม่มีใครมาคอยควบคุม  เขาจะคัดค้านแน่  จึงต้องขอมีมติสงฆ์ว่า  บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังคายนา  ห้ามเข้าไปในกรุงราชคฤห์
 
 การจัดสังคายนานั้น  ได้ขอการอุปถัมภ์จากพระเจ้าอชาติศัตรู  ได้ถ้ำสัตบรรณคูหา  เชิงเขาเวภาระ  เป็นสถานที่สังคายนา  ก็มีการจัดสถานที่  มีการเตรียมการต่าง ๆ จนพร้อมมูล แล้วจึงได้ดำเนินการสังคายนา  ขนาดนั้นก็ยังมีการคัดค้านแล้ว   พระปุราณะเถระ  ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ มีบริวารมาก แต่อยู่ไกล  คือ อยู่ถึงทักขิณาคีรีชนบท  ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ประมาณเชียงรายหรือสุไหงโกลก
 
 ท่านมาถึงทีหลัง   การทำสังคายนาเสร็จไปแล้ว  ทางคณะสงฆ์ก็ได้แจ้งให้ท่านทราบ  ว่าได้ทำการสังคายนาไปอย่างนี้ ๆ  พอท่านฟังเนื้อความแล้ว  ท่านก็บอกว่า  "ดูก่อน..อาวุโส  สิ่งที่ท่านทั้งหลายทำนั้นดีแล้ว แต่ว่าเราจะปฏิบัติเฉพาะสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา  ต่อเบื้องพระพักตร์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น"    พูดง่าย ๆ ว่าคุณจะทำก็ทำไป  แต่ว่าผมจะปฏิบัติตามเฉพาะที่ผมได้ยินที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมา  จึงเริ่มมีเค้าลางการแตกกันตั้งแต่การทำสังคายนาครั้งที่ ๑"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-02-2011 เมื่อ 01:19
 |