เราอย่าไปคิดว่าเรามีเด็ก ๆ ที่เข้าแข่งขันได้เหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิก เหรียญทองฟิสิกส์โอลิมปิก ประเภทนั้น กระผม/อาตมภาพเรียกว่า "เด็กรับแขก" ก็คือมีแค่ไม่กี่คน
แบบเดียวกับที่การประชุมสภาวิชาการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตอนที่กระผม/อาตมภาพจบปริญญาเอกใหม่ ๆ มีอาจารย์ท่านหนึ่งทักท้วงว่า "นิสิตของเราจะจบมากเกินไปไหม ? เพราะว่าถ้าปล่อยให้จบแบบนี้ จะทำให้คุณภาพการศึกษาด้อยลง"
หลังจากที่ถกเถียงกันขนานใหญ่แล้ว ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งสรุปว่า "ถ้ามีนิสิตอย่างพระครูวิลาศกาญจนธรรมจบไปสักรุ่นละรูปสองรูป รวมกันหลาย ๆ รุ่นก็ได้ผู้มีคุณภาพมากขึ้นไปเอง" เจริญครับ...! ก็คือแทนที่ทุกคนจะจบออกมาในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ก็กลายเป็นว่าความรู้ห่างกันมาก
เหตุที่เป็นเช่นนั้น อย่าว่าแต่ในวงของพระภิกษุสามเณรเลย แม้แต่เด็กนักเรียนของเราก็ตาม เรียนเพื่อให้จบเท่านั้น ไม่ได้เรียนเพื่อให้รู้ ส่วนกระผม/อาตมภาพเอง มีนิสัยว่าเรียนอะไรแล้วต้องรู้ รู้แล้วต้องสอนคนอื่นต่อได้ ถ้าสอนคนอื่นต่อ ก็ต้องสอนให้ง่ายที่สุด แต่ท่านอื่น ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น มีส่วนหนึ่งเลยที่มีคติประจำใจว่า "มึนไปวัน ๆ เดี๋ยวก็จบแล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2022 เมื่อ 03:08
|