| 
				  
 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "คนเราโดยธรรมชาตินั้น เหมาะที่จะกินพืชกินผักมากกว่า   ดูเด็ก ๆ ก็แล้วกัน  เด็กเกิดมาใหม่ ๆ พอฟันเริ่มงอก   ฟันกระต่ายจะมาก่อน  บอกลักษณะว่าเหมาะที่จะกินพืชมากกว่า  โดยเฉพาะลำไส้ของคนยาวตั้งหลายฟุต  ขดไปขดมาอยู่ข้างใน  ลักษณะลำไส้อย่างนั้น กินอาหารพวกเนื้อไม่ได้  
 สัตว์พวกกินเนื้อ  อย่างสิงโตหรือเสือ ลำไส้จะตรง ๆ เลย  พอถึงเวลาก็ขับถ่ายออกมา  แต่ว่าของเราลำไส้อยู่ในลักษณะที่ว่า  อาหารต้องค่อย ๆ เดินทางเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน   ถ้าเป็นโปรตีนอยู่นาน ๆ แล้วจะเน่า กลายเป็นกรด    ก็จะไปทำลายลำไส้  แล้วเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ง่าย    ยิ่งถ้าใครท้องผูกยิ่งไปกันใหญ่เลย
 
 เพราะฉะนั้น...พวกนักโภชนาการเขาก็เลยกำหนดว่า    ถ้าหากกินอาหาร  ควรจะเป็นพวกพืชผักสัก  ๗๐  %  ส่วนอาหารเนื้ออย่าให้เกิน  ๓๐  %
 
 แต่เดิมคนเรากินเนื้อ แต่พัฒนาการนาน ๆ ไปแล้ว ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด  อาหารเนื้อนั้นหายาก จับได้ยาก ล่าได้ยาก   ก็พัฒนามากินผักไปด้วย กินพืชไปด้วย  ท้ายสุดจากที่เขี้ยวยาว ๆ ก็ค่อย ๆ หดไปเรื่อย  ๆ  พัฒนามา  มีฟันตัด  ฟันบด  ในเมื่อร่างกายพัฒนามาลักษณะนี้  อวัยวะภายในก็พัฒนาตามไปด้วย  กลายเป็นว่า เหมาะสมที่จะย่อยอาหารที่เป็นพืชผักมากกว่า  ถึงได้ต้องใช้ลำไส้ที่ยาวมาก
 
 ฉะนั้น..ต้องเปลี่ยน  ถ้าใครที่ถนัดกินเนื้อมากกว่ากินผัก  ต้องเปลี่ยนนิสัย ไม่อย่างนั้นจะเหมือนโยมที่พระครูแสงเขาว่า เป็นโรคมะเร็งลำไส้   ตัดลำไส้ทิ้งไม่ทัน เพราะมันลาม"
 
 
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2010 เมื่อ 01:56
 |