ส่วนอย่างต่อไปก็คือ  ทำขาด นี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติของพวกเรา  เพราะว่าเรายังเป็นปุถุชนอยู่  กำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญายังมีน้อย  ไม่สามารถจะควบคุมสมาธิให้ตั้งมั่นอยู่เฉพาะหน้าได้นาน ๆ  ใน ๒๔ ชั่วโมง เรามักจะโดนนิวรณ์  ๕  บ้าง  รัก โลภ โกรธ หลงบ้าง  เบียดเบียนเข้ามาช่วงชิงพื้นที่ของกำลังใจที่ดีเสียเกือบหมด  พูดง่าย ๆ ก็คือว่า  ๒๔ ชั่วโมงจะเอาดีสักชั่วโมงก็แสนยาก   
 
แต่ว่าความดีนั้นไม่ได้ไปไหน  สมมติว่า  ๒๔  ชั่วโมง  เราทำดีได้หนึ่งชั่วโมง  ความดีนั้นก็ทรงตัวอยู่   รุ่งขึ้นทำได้อีกชั่วโมงหนึ่ง  ความดีก็ทรงตัวรวมเป็นสองชั่วโมง    ค่อย ๆ สะสมไปทีละเล็กละน้อยดังนี้   ถ้าหากว่าเราใช้ความเพียรที่พยายามสม่ำเสมอ  ทำทุกวัน ไม่มีการทิ้ง   กำลังใจนี้จะค่อย ๆ สะสมมากขึ้น ๆ  จนท้ายสุดก็พอใช้งานในการตัดกิเลสได้    
 
ส่วนข้อสุดท้ายที่ว่า  ทำแล้วรักษาอารมณ์ใจเอาไว้ไม่ได้ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเราไม่รู้  ปฏิบัติไปแล้วเมื่อเลิกจากการปฏิบัติก็ทิ้ง ไม่ได้ประคับประคองรักษาอารมณ์นั้นเอาไว้ได้อย่างตอนที่ปฏิบัติอยู่  เมื่อเป็นดังนั้น  กำลังใจของเราก็จะไหลตามกิเลสไป  กว่าจะทวนกระแสขึ้นมาใหม่ก็ยาก   จึงเป็นเหตุให้ไม่มีความก้าวหน้าเกิดขึ้น  
  
วิธีที่จะแก้ก็คือ ต้องใช้กำลังใจจดจ่ออยู่เฉพาะหน้า   ประคองรักษาอารมณ์ที่เราทำได้  ให้ทรงตัวตั้งมั่นเหมือนอย่างกับเวลาที่เรานั่งนิ่ง ๆ  อยู่  แต่ว่าตอนนี้เราจะยืน  จะเดิน จะนอน จะนั่งอย่างไรก็ตาม กำลังใจต้องทรงตัวให้ได้เท่ากับตอนที่นั่งสมาธิ   
 
ถ้าถามว่าแล้วมีข้อสังเกตอย่างไรว่ากำลังใจทรงตัว ?  บุคคลที่กำลังใจทรงตัวนั้น  นิวรณ์  ๕  ก็คือ กามฉันทะ  ความยินดีในรูปสวย  เสียงเพราะ กลิ่นหอม  รสอร่อย และสัมผัสระหว่างเพศ  ไม่สามารถจะกินใจได้    พยาบาท  ความโกรธเกลียดอาฆาตแค้นคนอื่น  ไม่สามารถจะกินใจของเราได้   ถีนมิทธะ  ความห่วงเหงาหาวนอน  ความขี้เกียจปฏิบัติ ไม่สามารถจะเข้ามายึดครองจิตใจของเราได้  อุทธัจจะ  ความฟุ้งซ่าน ไม่สามารถจะเข้ามายึดครองใจของเราได้   และวิจิกิจฉา   ความลังเลสงสัยในการปฏิบัติ  ไม่สามารถจะยึดครองใจของเราได้    
 
ถ้าเป็นดังนี้ก็แปลว่ากำลังใจของเราทรงตัว   เราก็ประคับประคองกำลังใจที่ทรงตัวนี้ไว้  อย่าให้หลุดไปไหน  เคยเปรียบไว้ว่าเหมือนเราเลี้ยงลูกแก้วไว้บนปลายเข็ม  ระมัดระวังลูกแก้วไม่ให้หล่นไปแตกเสียก่อน   ถ้าสามารถรักษากำลังใจให้อยู่กับเราได้นานเท่าไร  สภาพจิตใจของเราก็จะมีความผ่องใสมากขึ้นเท่านั้น  ปัญญาก็จะเกิดได้มากเท่านั้น  ท้ายสุดก็จะเห็นช่องทางว่าจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะเกิดความก้าวหน้าขึ้น
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2010 เมื่อ 11:56
					
					
				
			
		
		
		
			
			
			
			
			
			
			
			
			
			
				
			
			
			
		 
	
	 |