เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน  วันศุกร์ที่  ๕  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๓
			 
			 
			
		
		
		
			
			พยายามนั่งในท่าที่สบายของเรา ที่สำคัญก็คือตัวตรง แต่ว่าอย่าไปเกร็งร่างกาย  ตั้งตัวให้ตรง ทำกำลังใจสบาย ๆ นึกถึงลมหายใจเข้าออกของเราตามปกติ  ไม่ต้องไปบังคับให้แรง ให้เบา ให้ยาว ให้สั้น  เราแค่กำหนดความรู้สึกไหลตามลงไป  หายใจออกก็ไหลตามขึ้นมา  
  
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่  ๕  กุมภาพันธ์  พุทธศักราช  ๒๕๕๓  เป็นวันแรกของการปฏิบัติภาวนาของเราในเดือนกุมภาพันธ์นี้  ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่เราปฏิบัติมา  ระยะเวลาหนึ่งเดือนผ่านไปเร็วเหลือเกิน  
 
การปฏิบัตินั้นทุกท่านก็ล้วนแต่หวังความก้าวหน้า   แต่มักจะมีปัญหาที่มาถามอยู่เสมอว่า  ปฏิบัติแล้วไม่ก้าวหน้าจะต้องทำอย่างไร ?   การปฏิบัติแล้วไม่ก้าวหน้านั้นมีสาเหตุหลัก ๆ อยู่ไม่กี่ประการเท่านั้น  ก็คือ  ๑. ทำเกิน  ๒. ทำขาด  ๓. ทำแล้วรักษาอารมณ์ใจไว้ไม่เป็น  เหล่านี้เป็นต้น  
 
ในเรื่องของการปฏิบัติเกินนั้น  ก็คือ การที่เราทุ่มเทกำลังกายกำลังใจ  เพื่อที่จะปฏิบัติให้สำเร็จอย่างที่ต้องการ  แต่ว่าเป็นการทุ่มเทเกินไป  ซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่น่าจะมี   ถ้ามีในอดีตก็มีอยู่ท่านเดียวที่กล่าวถึงในพระไตรปิฎก   ก็คือพระโสณโกฬิวิสะเถระ   
 
พระโสณโกฬิวิสะเถระ  เป็นลูกมหาเศรษฐี  มีฝ่าเท้าอ่อนนุ่มมาก  แต่ก็มีความเพียรมากเช่นกัน  ท่านเดินจงกรมจนเท้าแตก    ในบาลีอธิบายว่า  เลือดนองบนทางจงกรม เหมือนอย่างกับใครมาเชือดวัวเอาไว้   เมื่อเดินจนเท้าแตก ไม่สามารถจะเดินต่อได้  ก็ใช้วิธีคลานไป  ก็ยังไม่บรรลุมรรคผลที่ต้องการ  มานึกท้อใจว่า "ดูท่าเราจะปฏิบัติไม่สำเร็จเป็นแน่แท้"  พระพุทธเจ้าทราบความคิด ก็เปล่งฉัพพรรณรังสีไปปรากฏอยู่เฉพาะหน้า แสดงธรรมถึงพิณ ๓ สาย ที่ตึงเกินไป หย่อนเกินไป และที่พอดี แล้วตรัสว่า  "ดูก่อน..โสณะ  สิ่งที่เธอทำนั้น กำลังใจล้นเกินให้ลดกำลังใจลงมา" นับว่าเป็นรายเดียวในประวัติศาสตร์จริง ๆ  ที่มีการปฏิบัติเกินกว่าที่ครูบาอาจารย์ต้องการ และมีหลักฐานบันทึกไว้อย่างชัดเจน   
 
เมื่อพระโสณโกฬิวิสะลดกำลังใจลงมา  ก็ตรงร่องพอดี  บรรลุมรรคผลกลายเป็นพระอรหันต์  พระพุทธเจ้าแต่งตั้งให้เป็นเอตทัคคะ  คือผู้ที่เลิศกว่าผู้อื่นในด้านการปรารภความเพียร   ดังนั้น..การปฏิบัติที่ไม่ก้าวหน้า  ที่บอกว่าทำเกินนั้น  ปัจจุบันนี้ไม่น่าจะมี
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2010 เมื่อ 11:54
					
					
				
			
		
		
		
			
			
			
			
			
			
			
			
			
			
				
			
			
			
		 
	
	 |