หลังจากที่กระผม/อาตมภาพบรรยายไปหลายแห่งในลักษณะอย่างนี้ พอมาเจองานอบรมพระนวกะในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอห้วยกระเจากับอำเภอพนมทวน แล้วเจอท่านนายอำเภอเบญจวรรณกับท่าน สจ.ชัยวัฒน์ กระผม/อาตมภาพอยากจะถอนคำพูดที่เคยบอกกล่าวไว้ทั้งหมด เพราะถือว่าทั้ง ๒ ทำหน้าที่อุบาสกอุบาสิกาได้เป็นอย่างดีมาก
ท่านนายอำเภอเบญจวรรณถึงขนาดฝากพระใหม่ว่าให้พยายามศึกษาในส่วนของปฏิจจสมุปบาทกับอริยสัจ ๔ ให้มากไว้ จะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างในการดำเนินชีวิตทั้งในความเป็นนักบวชและฆราวาสได้
กระผม/อาตมภาพได้ยินก็เกือบจะกลืนน้ำลายไม่ลง..! เพราะว่าจากการที่ทุ่มเทในการปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่อายุ ๑๖ จนถึงปีนี้ ๖๓ เต็ม ขึ้น ๖๔ มาแล้ว ยังอธิบายปฏิจจสมุปบาทให้ชัดเจนจริง ๆ ไม่ได้เลย แต่ท่านนายอำเภอหญิงของเราฝากให้พระใหม่ไปดูตรงนี้..!
ปฏิจจสมุปบาทนั้น กล่าวถึงความสืบเนื่องของทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเหตุเป็นผลต่อกัน ถ้าสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้ก็จะเกิด ถ้าสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้ก็จะดับ ส่วนในเรื่องของอริยสัจ ๔ ก็เช่นกัน ต้องมีสาเหตุ ทุกข์ถึงเกิด ถ้าเราไม่ไปสร้างเหตุ ทุกข์ก็ไม่เกิด
ต้องบอกว่านี่คือหลักธรรมในลักษณะของเพชรยอดมงกุฎในพระพุทธศาสนาของเรา แต่กล่าวออกมาจากปากของอุบาสิกาท่านหนึ่ง ที่เป็นข้าราชการฝ่ายปกครองเสียด้วย น่าเสียดายที่ท่าน สจ.ชัยวัฒน์มีเวลาน้อยมาก ไม่อย่างนั้นแล้วกระผม/อาตมภาพอยากจะฟังสิ่งที่ท่านบอกกล่าวแก่พระใหม่บ้างว่าท่านเองไปได้ไกลแค่ไหน..!
แต่ว่าแค่นี้ก็เป็นสิ่งที่น่าดีใจแทนคนห้วยกระเจาเป็นอย่างยิ่ง แล้วก็ดีใจแทนพระใหม่จากพนมทวนด้วย ที่ได้เข้าไปฟังทัศนคติของข้าราชการฝ่ายปกครองและตัวแทนประชาชนทั้ง ๒ ท่าน น่าจะได้รับแรงบันดาลใจอะไรบางอย่างไป เช่นว่า ในฐานะข้าราชการฝ่ายปกครองที่ต้องดูแลคนทั้งอำเภอ เป็นผู้หญิงด้วย ยังมีเวลาปฏิบัติธรรมเพื่อตัวเองขนาดนั้น แล้วเราที่บวชอยู่ หน้าที่การงานมีน้อย ย่อมมีเวลาที่จะปฏิบัติได้มากกว่า
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2022 เมื่อ 01:36
|