| 
				  
 
			
			"พระเจ้าพิมพิสารเมื่อเป็นพระโสดาบัน  ปฏิญาณตนนับถือพระพุทธศาสนาแล้ว  เท่ากับว่าตอนนี้พระพุทธเจ้าได้มหาอำนาจมาอยู่ในเงื้อมมือ   ถ้าเปรียบเป็นประเทศจีนกับประเทศอเมริกา  ตอนนี้ได้ประเทศจีนมาแล้ว  เพราะว่าแคว้นมคธเป็นมหาอำนาจ   มักผนวกเอาแคว้นอังคะเข้าไปอยู่ด้วยเสมอ  เผลอเมื่อไรก็เสร็จ   ส่วนแคว้นโกศลของพระเจ้าปเสนทิโกศล   นอกจากจะปกครองแคว้นกาสีแล้ว  ยังปกครองกบิลพัสดุ์และเทวทหะ  ฉะนั้น..พระพุทธเจ้าจะทำอะไรต้องคิดเป็นพิเศษ  ไม่ระมัดระวังไม่ได้  เดี๋ยวญาติของพระองค์เองจะเดือดร้อน
 พระองค์เองตอนนี้ เมื่อประกาศศาสนาในแคว้นมคธได้  มีจอมคนของแคว้นมคธ  คือ พระเจ้าพิมพิสารเป็นสาวกแล้ว  ก็พอจะมีเครื่องป้องกันตัวอยู่  แต่จะกลายเป็นว่าพระเจ้าปเสนทิโกศล ยิ่งระแวงหนักเข้าไปอีก  ถ้าเกิดเห็นว่าพระพุทธเจ้าไปบวช  เสาะหาบริวารเพื่อที่จะแข็งเมือง  ตอนนี้ยังมาผูกมิตรกับเมืองใหญ่ระดับทัดเทียมกันแล้ว  ไม่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่หรือ ? ถ้าจู่ ๆ เข้าไปเทศน์ให้พระเจ้าปเสนทิโกศลฟัง  แล้วจะเหลือไหม ?   นี่เอาความคิดอย่างคนที่มีกิเลสมาคิด...
 
 พระพุทธเจ้าท่านจึงยังไม่สามารถเสด็จเข้าแคว้นโกศลได้  แต่พระองค์ท่านใช้วิธีวนอยู่รอบ ๆ  ไปคว้าอีกสองแคว้นใหญ่ในสมัยนั้น  ก็คือ แคว้นวัชชีกับแคว้นวังสะ  แคว้นวังสะ มีกรุงโกสัมพีเป็นเมืองหลวง  ปกครองโดยพระเจ้าอุเทน    แคว้นวัชชี มีเมืองไพศาลีเป็นเมืองหลวง  สองแคว้นนี้พระพุทธเจ้ากวาดหมด..!
 
 ลองมาดูต่ออีก เมื่อพระพุทธเจ้าได้แคว้นมคธ  ก็แปลว่าได้แคว้นอังคะด้วย  แคว้นอังคะนั้นมีเศรษฐีที่รวยจนนับเงินไม่ได้ก็คือ เมณฑกเศรษฐี   นางวิสาขามหาอุบาสิกาเป็นลูกของธนัญชัยเศรษฐี  เป็นหลานของเมณฑกเศรษฐี   เมื่อนางวิสาขามหาอุบาสิกาแต่งงานกับปุณวัฒนกุมาร  ซึ่งเป็นบุตรของมิคารเศรษฐี  เศรษฐีของแคว้นโกศล ก็เท่ากับว่าตอนนี้มหาสาวิกานำหน้าเข้าไปแคว้นโกศลก่อน   แล้วพระพุทธเจ้าไปโปรดราชคหเศรษฐีในแคว้นมคธ  และไปได้อนาถบิณฑิกเศรษฐีของแคว้นโกศลมาอีก (อนาถบิณฑิกะเป็นน้องเขยของราชคหเศรษฐี)
 
 นอกจากนี้  พระเจ้าปเสนทิโกศลยังขอธนัญชัยเศรษฐีจากพระเจ้าพิมพิสารไปเมืองโกศลของตัวเอง  เพราะว่าโกศลเป็นเมืองที่มีเศรษฐีน้อยมาก   ถ้าแคว้นไหนมีเศรษฐีมาก เศรษฐกิจจะรุ่งเรือง   ธนัญชัยเศรษฐีจึงพาบริวารไปแคว้นโกศล  พาบริวารไปไม่เท่าไรหรอก  สองแสนคนเอง..!"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2010 เมื่อ 16:30
 |